FootNote : สภาวะ เบื้องหลัง “สภาล่ม” กับบทบาท “ผู้นำฝ่ายค้าน”

มีความคึกคักเป็นอย่างมากในขบวนแถวของพรรคเพื่อไทยที่จะใช้กลยุทธ์ “สภาล่ม”มากดดันและรุกไล่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ตัดสินใจ”ยุบสภา”เป็นทางออก

สัมผัสได้จากความมั่นใจของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สัมผัสได้จากความมั่นใจของ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์

ความสำเร็จจากการเข้าร่วมในการแสดงตนเข้ารับการนับองค์ประชุมเพียง 2 ในที่ประชุมเมื่อตอนบ่ายของวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ คือรูปธรรมแห่งการเคลื่อนไหว

เมื่อประสานกับการไม่แสดงตนของ 18 ส.ส.ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขณะที่ไม่มีความเป็นเอกภาพภายในพรรคพลังประชารัฐในที่สุดก็มี ส.ส.แสดงตนเพียง 195 ไม่ครบองค์ประชุม

นี่ย่อมสร้างความมั่นใจเป็นอย่างสูงให้กับพรรคเพื่อไทย เป็นความมั่นใจในกลยุทธ์ทางการเมืองผ่านกลไกแห่งระบบรัฐสภาที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องถูก”ขับ”ออกไป

แม้ ณ วันนี้ จะยังไม่มีคำตอบอันแน่ชัด แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่พรรคเพื่อไทยจะขับเคลื่อนต่อไปอย่างเด่นชัด

หากมองผ่านความร่วมมืออย่างเงียบๆจากกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาจมองเห็นประกายแห่งความหวัง กระนั้นปัญหาของพรรคเพื่อไทยยังอยู่ที่ความสุกงอมของพรรคเพื่อไทย

สถานการณ์”สภาล่ม”ล่าสุดไม่เพียงแต่พรรคก้าวไกลจะไม่เห็นด้วยหากแต่ยังออกมา”ต้าน”ต่อกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย

ปมแห่งความขัดแย้งไม่เพียงแต่มาจากท่าทีต่อกรณีการขุดคลองไทยที่มีคนของพรรคเพื่อไทยเป็นประธานคณะกรรมาธิการ แต่ ยังอยู่ที่ชะตากรรมของรายงานในเรื่องบำนาญคนชราอีกด้วย

แม้ว่าวิวาทะอันเกิดขึ้นระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จะทวีความร้อนแรงเป็นลำดับ แต่พรรคฝ่ายค้านก็ยังพื้นที่”พรรคร่วมฝ่ายค้าน”ที่รอการบริหารจัดการโดย”ผู้นำฝ่ายค้าน”อยู่ว่าเป็นเช่นใด

บทบาทนับจากนี้เป็นต้นไปจึงขึ้นอยู่กับว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จะเล่นบทบาทใดในทางการเมือง
บท”ผู้นำฝ่ายค้าน” หรือ บท”หัวหน้าพรรคเพื่อไทย”

อย่าเพิ่งไปไกลถึงขนาดผลักดันยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่สร้างแนวต่อต้าน”เผด็จการ”ขึ้นในทางเป็นจริง หากเฉพาะหน้าก็คือ สร้างเอกภาพภายใน”พรรคร่วมฝ่ายค้าน” โดยแสดงบท”ผู้นำฝ่ายค้าน”อย่างมีกัมมันตภาพอย่างเต็มที่