วิป 3 ฝ่าย เคาะกรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ 30 ชั่วโมง วันที่ 17-18 ก.พ.นี้ จัดสรรลงตัว ฝ่ายค้านได้ 22 ชั่วโมง รัฐบาล 8 ชั่วโมง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 ก.พ.2565 ที่รัฐสภา มีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) วิปรัฐบาล และฝ่ายค้าน โดยผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมวิป 3 ฝ่าย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสักนักนายกฯ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล
จากนั้นเวลา 15.10 น. นายสุทิน แถลงว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 จะมีขึ้นวันที่ 17-18 ก.พ.นี้ ใช้เวลาทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง วันแรกคือวันที่ 17 ก.พ. จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.30-00.30 น. วันที่ 18 ก.พ. จะเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น. โดยฝ่ายค้านได้เวลา 22 ชั่วโมง รัฐบาล 8 ชั่วโมง บวกกรณีรัฐบาลยังตอบไม่ครบถ้วน จะให้โอกาสบวกเวลาไปได้จนกว่าจะตอบได้ชัดเจน เมื่อแบ่งเช่นนี้แล้ว การบริหารเวลาทุกครั้งที่ผ่านมามักไม่ลงตัว บางครั้งไปร่นเวลาอีกฝ่ายหนึ่ง
ดังนั้น ฝ่ายค้านจึงรับปากจะบริหารเวลาในแต่ละวัน โดยการเอาคนของฝ่ายค้านขึ้นอภิปรายวันละ 11 ชั่วโมง เพื่อให้เป็นไปตามเวลา ไม่ไปเบียดรัฐบาล
ด้านนายนิโรธ กล่าวว่า รัฐบาลเห็นว่าการอภิปรายตามมาตรา 152 ของฝ่ายค้าน เป็นประโยชน์กับรัฐบาล ในการชี้แนะ ชี้ข้อบกพร่องในการบริหารงาน รัฐบาลจึงให้เวลากับฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ 22 ชั่วโมง ส่วนฝ่ายรัฐบาลเรามั่นใจว่าจะตอบในสิ่งที่ฝ่ายค้านชี้แนะได้ เพราะรัฐบาลมั่นใจในการบริหารงาน จึงใช้เวลาน้อยแค่ 8 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณฝ่ายค้านที่จะได้ชี้แนะทางรัฐบาล โดยนำข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประเทศชาติ รัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือในการอภิปรายตามมาตรา 152 อย่างเต็มที่
ขณะที่นายชินวรณ์ กล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านตกลงเวลาไว้ 22 ชั่วโมงนั้น คือ รวมการอภิปรายในการสรุปญัตติในช่วงสุดท้ายด้วย ทั้งนี้ ตามมาตรา 152 ฝ่ายค้านมีหน้าที่โดยตรงที่จะซักถาม และเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา พวกตนในฐานะส.ส.ฝั่งรัฐบาล จะไม่ใช้โอกาสนี้ในการตอบ แต่จะเปิดให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตอบ ให้เกิดความชัดเจน ตนเห็นด้วยที่การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบรัฐสภายังเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน