เพื่อไทย อัด ครบรอบ 8 ปี กปปส.ล้มเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ทำประเทศเสียหายยับเยิน โวยปฏิรูปก่อนเลือกตั้งไม่มีจริง ซัดรัฐบาลประยุทธ์ ทุจริตยิ่งกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ จะครบรอบ 8 ปีที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปิดคูหาเพื่อล้มการเลือกตั้งเมื่อ 2 ก.พ.57 พร้อมเรียกร้องให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แม้รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศยุบสภาเมื่อ 9 ธ.ค.56 เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินอนาคตตามระบอบประชาธิปไตย
แต่เกิดความวุ่นวายในหน่วยเลือกตั้งหลายจุด สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นโมฆะ จนเกิดรัฐประหารในอีก 3 เดือนต่อมา แม้แกนนำ กปปส.ที่มีคดีติดตัว และศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้อดีตแกนนำทั้ง 5 พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีและ ส.ส. ไปแล้วในคดีกบฏ แต่ไม่อาจชดเชยความเสียหายของประเทศในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาได้แม้แต่น้อย
น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นถือเป็นชนวนเหตุสำคัญ ปูทางสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่อ้างว่าเป็นฉบับปราบโกง มีกลไกใหม่ๆ ไว้จัดการกับนักการเมือง ตั้งองค์กรอิสระและคณะกรรมการต่างๆ โดย คสช.ให้ทหารเป็นคนคุมบังเหียน แต่การดำเนินงาน ชัดเจนว่าองค์กรดังกล่าวไม่ได้มีไว้เพื่อปราบปรามทุจริต แต่มุ่งตรวจสอบเฉพาะนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ละเว้นการตรวจสอบฝ่ายเดียวกัน แม้กระทั่งนายกฯ และรองนายกฯ ไม่ยอมเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน อ้างว่ากฎหมายไม่ให้อำนาจ
จากวันนั้นเรียกร้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ถามหาการเมืองสะอาด ปราศจากคอร์รัปชั่น มาถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากหัวหน้าคณะรัฐประหาร สู่นายกฯ นั่งบริหารประเทศมาเกือบ 8 ปี เคยประกาศให้การทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ แต่อันดับและคะแนนเฉลี่ยของดัชนีการรับรู้การทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 110 จาก 180 ประเทศทั่วโลก แย่กว่าปีที่แล้ว
หากเปรียบเทียบกับรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ พบว่าคะแนนเฉลี่ยของดัชนีการรับรู้ทุจริตของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังตกต่ำลงเรื่อยๆ ปีแรกของการยึดอำนาจมา คะแนนลดฮวบจาก 38 เหลือ 35 หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศต่อไป ยิ่งอยู่นานการทุจริตคอร์รัปชันยิ่งเบ่งบาน เป็นที่อับอาย ไร้ความน่าเชื่อถือในเวทีโลก
“ล้มเลือกตั้ง ล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชน อ้างว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง กลายเป็นว่าประเทศไทยต้องจมอยู่กับยุคคอร์รัปชั่นที่เบ่งบานกว่าเก่า นี่ใช่การปฏิรูปก่อนเลือกตั้งที่เคยเรียกร้องและต้องการหรือไม่ ดังนั้น รัฐประหารจึงไม่ใช่ทางออกของประเทศ ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาตามครรลองระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม ซ้ำเติมปัญหาเก่า กฎหมายหลายฉบับที่ถือกำเนิดขึ้นโดยคณะรัฐประหารยังดำรงอยู่ ไม่สามารถยกเลิกและแก้ได้ กลายเป็นมรดกบาปกัดกร่อนประเทศจวบจนทุกวันนี้” น.ส.ชญาภา กล่าว