บุรีรัมย์ / แจ้งจับหนุ่มแสบ อ้างชื้อบริษัทดัง ลวงจองเปิดร้านสะดวกซื้อออนไลน์ ก่อนเชิดหนี คาดเหยื่อเสียหายหลายร้อยล้าน
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565 น.ส.ผกาเกศ หล้าคำ ตัวแทนบริษัทบายสมาร์ทพลัส ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกแอบอ้างชื่อบริษัทไปหลอกลวงประชาชน รวมถึงผู้เสียหายจากหลายจังหวัดทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานเกือบ 30 คน ที่ถูกหลอกให้ร่วมจองเปิดช็อปหรือร้านสะดวกซื้อออนไลน์ สูญเงินไปรายละหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสิทธวีย์ หรือบอส (สงวนนามสกุล) ประธานโครงการร้านสะดวกซื้อออนไลน์
โดยกล่าวหาว่านายสิทธวีย์ มีพฤติกรรมแอบอ้างใช้ชื่อบริษัทไปหลอกลวงชักชวนให้เพื่อน คนรู้จัก และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมโครงการร้านสะดวกซื้อออนไลน์ ซึ่งหากใครสนใจจะต้องจ่ายเงินจองล่วงหน้าตามขนาดไซซ์ช็อปที่จะเปิด ก็มีคนหลงเชื่อจ่ายเงินจองรายละตั้งแต่ 20,000 – 120,000 บาท คาดว่าทั้งประเทศมีประชาชนตกเป็นเหยื่อจ่ายเงินจองเปิดช็อปให้กับนายสิทธวีย์ มากกว่า 1,000 คน คาดว่ามูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท
น.ส.ผกาเกศ ตัวแทนบริษัท กล่าวว่า ที่พากันเดินมาที่ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ในวันนี้เนื่องจากทราบว่านายสิทธวีย์ ถูกจับกุมตามหมายจับคดีขับรถขณะมึนเมาและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหายตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ในท้องที่จ.ขอนแก่น แล้วถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.นางรอง ท้องที่เกิดเหตุ จึงได้เดินทางมาเพื่อแจ้งความเอาผิดกับนายสิทธวีย์ ฐานแอบอ้างชื่อให้บริษัททำให้เสียหายและฉ้อโกงประชาชน ทั้งอยากให้นายสิทธวีย์ ชดใช้เงินคืน
ทั้งขอให้พนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบว่านายสิทธวีย์ มีหมายจับคดีฉ้อโกงหรือไม่ หากมีก็ขอให้มีการอายัดตัวไว้เพราะเกรงว่าจะหลบหนี เพราะจากที่ให้ทนายความตรวจสอบทราบว่านายสิทธวีย์ มีหมายจับหลายคดี แต่ยังไม่ได้ถูกดำเนินคดี กลับเปลี่ยนชื่อเปิดบริษัทใหม่แล้วไปหลอกลวงประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดเพื่อจะได้ไม่ไปหลอกลวงสร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่นอีก
ขณะที่นายเอกวิศิษฏิ์ จันทะมานน ชาว จ.ปทุมธานี หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่หลงเชื่อนายสิทธวีย์ เพราะใช้ชื่อบริษัทแอบอ้าง ทั้งมีการโฆษณาชวนเชื่อหลายอย่าง ทั้งข้อเสนอและผลตอบแทนที่จูงใจ อีกทั้งหลายคนก็อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือร้านสะดวกซื้อเป็นของตนเอง จึงไหลงเชื่อจ่ายเงินจองเปิดช็อปล่วงหน้าไป เฉพาะตนเอง ภรรยา และลูกสาว ก็จองไป 3 ช็อปๆ ละ 50,000 บาท รวมเป็น 150,000 บาท ทั้งนี้หากใครไปชักชวนญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก มาร่วมเป็นสมาชิกได้อีก ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มอีก
ตนจึงไปชักชวนคนที่รู้จักทั้ง จ.เพชรบูรณ์ นนทบุรี ระยอง ยโสธร และอีกหลายจังหวัด มาร่วมเป็นสมาชิกมากกว่า 20 คน หลังจากจ่ายเงินไปตั้งแต่ปี 2563 จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครได้เปิดร้านสะดวกซื้อ หรือได้ค่าคอมมิชชั้นตามที่นายสิทธวีย์ กล่าวอ้างแม้แต่คนเดียว จึงเชื่อว่าเป็นการหลอกลวงแน่นอน จึงพากันมาแจ้งความให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนนายสิทธวีย์ ขณะนี้ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.นางรอง เพื่อรอพนักงานสอบสวนส่งฟ้องที่ศาลนางรองในคดีขับรถขณะมึนเมาและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหายในวันพรุ่งนี้ ส่วนหมายจับคดีฉ้อโกงหรือคดีอื่นนั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ