FootNote:ภาวะ บิดเบี้ยว ‘ราคาหมู’ ปัจจุบัน ผลสะเทือนจาก ‘ระบอบประยุทธ์’

กรณี ‘หมูราคาแพง’ สะท้อนออกอย่างเด่นชัดว่า หากการเมือง ‘ดี’ สถานการณ์เช่นนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด

ที่ ‘หมูราคาแพง’ จึงมาจากจุดอ่อนด้อยในทาง ‘การเมือง’

สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้ความพยายามของบางฝ่าย บางคนที่จะแยก ‘เศรษฐกิจ’ ออกจาก ‘การเมือง’ ต้องล้มเหลวและพังครืนลงมาให้เห็นอย่างเด่นชัด

สำทับจากโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ว่า ปัญหา ‘หมูราคาแพง’ ไม่ได้เกิดจากโรคระบาดอย่างที่เรียกว่า ‘อหิวาตกโรค’ ในหมูจึงได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างสูง

คำถามก็คือข้อมูลการแถลงของโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อันเท่ากับเป็นตัวแทนแห่ง ‘นายกรัฐมนตรี’ มาจากไหน คำตอบก็คือมาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

คำถามก็คือข้อมูลในรายงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาจากไหน คำตอบก็คือมาจากกรมปสุสัตว์อันเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง ในเรื่องสัตว์และการเลี้ยงสัตว์

ตรงนี้แหละที่ทำให้ปัญหา ‘ราคาหมู’ กลายเป็นเรื่อง ‘การเมือง’

มีความละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่งในฐานข้อมูลว่าด้วยหมู เพราะที่ดำรงอยู่ในทางเป็นจริงก็คือ ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์อันเป็นภาคีที่รวมกันจาก 14 สถาบันที่มีคณะสัตวแพทยศาสตร์

ได้ทำการวิจัยและทำหนังสือเสนอต่อกรมปสุสัตว์ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมมาแล้วว่า มีโรคระบาดที่เรียกว่า ‘อหิวาตกโรค’ หมูเกิดขึ้น

น่าเศร้าก็ตรงที่กรมปศุสัตว์ไม่เชื่อในรายงานนี้ของ ‘ภาคี’

น่าเศร้าก็ตรงที่กรมปศุสัตว์ในเพิกเฉยบทสรุปของ ‘ภาคี’ และยืนยันความเชื่อของตนในรายงานต่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

พื้นฐานแห่ง ‘ระบบ’ เช่นนี้ทำให้ความจริงที่เสนอต่อ ‘นายกรัฐมนตรี’ ต้องบิดไปตาม ‘รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์’

คำถามที่ทุกฝ่ายต้องนำมาพิจารณาร่วมกันก็คือ เหตุปัจจัยอะไรทำให้ฐานข้อมูลจากกรมปสุสัตว์จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากรัฐบาลจึงบิดเบี้ยว

สวนทางกับ ‘ความจริง’ ที่ ‘ภาคีคณบดีคณะสัตวแพทย์’ ได้มา

คำตอบเด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่ามาจากความบิดเบี้ยวอันเนื่องจากโครงสร้าง ‘รัฐราชการรวมศูนย์’ และเงื่อนปมทางเศรษฐกิจ

เงื่อนปมทางเศรษฐกิจและอำนาจรัฐเหนือ ‘ระบอบประยุทธ์’