แพงทั้งแผ่นดิน – เมื่อหลายปีก่อน มีวาทกรรมแพงทั้ง แผ่นดิน เพื่อโจมตีรัฐบาลในครั้งนั้น กรณีสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภคมีราคาขึ้นสูง ขนาดแพงทั้งแผ่นดิน
แต่ในรัฐบาลปัจจุบันนี้ กำลังเกิดสถานการณ์ที่เหมาะจะเรียกว่าแพงทั้ง แผ่นดินอีกครั้ง
เมื่อครั้งที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 อุบัติขึ้นใหม่ๆ ราคาสินค้าเกี่ยวกับเวชภัณฑ์พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทั้งหน้ากากอนามัยและถุงมือยาง
จนเกิดขบวนการกักตุนและเก็งราคาอย่างมโหฬาร
ตั้งแต่ปลายปี 2564 เกิดภาวะสินค้าอาหาร พืชผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ราคาพุ่งสูง อันเป็นส่วนหนึ่งจากอุทกภัย และโรคระบาดในสัตว์
เนื้อหมู ซึ่งเป็นอาหารหลักของประชาชนคนไทย ราคาพุ่งสูงทั่วประเทศเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้ราคาอาหารทะยานปรับขึ้นราคาตามไปด้วย
ราคาหมูเนื้อแดง หมูสามชั้น และส่วนอื่นๆของสุกร ตลอดจนเนื้อสัตว์ต่างๆ มีราคา แพงอย่างน่าใจหาย ทำให้ประชาชนต้องมีรายจ่ายเพิ่ม
ขณะที่รายได้ยังฝืดเคือง เพราะทำมาหากินลำบากอันเนื่องจากเผชิญภาวะ โรคระบาดอยู่
ภายในสิ้นเดือนมกราคมนี้ ราคาก๊าซ หุงต้มขนาดครัวเรือนถังละ 318 บาทต่อ 15 กิโลกรัม ที่ตรึงราคามาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 จะสิ้นกำหนดลง
กระทรวงพลังงานเตรียมขึ้นราคาทันที ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ อ้างสถานะเงินกองทุนในส่วนของบัญชีแอลพีจีขณะนี้ติดลบ 23,178 ล้านบาท
ราคาก๊าซหุงต้มที่แท้จริง ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 412 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม หากรัฐไม่มีมาตรการใดๆ เข้ามาอุดหนุน ราคาก๊าซหุงต้มที่แท้จริงจะปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 440 บาท
หากเป็นเช่นนี้ ย่อมสร้างภาระค่าใช้จ่ายทำให้ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบากเพิ่มขึ้นอีก อยู่ในยุคของแพง ทั้งแผ่นดินโดยแท้จริง