‘เรืองไกร’ เตรียมร้องกกต. สอบ ปม ‘พัลลภ’ แฉถูกทักษิณ ปลดออกจากพรรคเพื่อไทย เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมืองมาตรา 28 หรือไม่
เมื่อวันที่ 4 ม.ค.65 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีการให้ข่าวของพล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่กล่าวอ้างว่าถูกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปลดออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า อาจจะเป็นหลักฐานที่มีมูลอันควรเชื่อได้ว่าพรรคพท.เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พรป.พรรคการเมืองมาตรา 28 หรือไม่ตามมาได้
ทั้งนี้ พล.อ.พัลลภให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ยอมรับว่า ถูกนายทักษิณปลดออกจากสมาชิกพรรคพท. โดยไม่ทราบสาเหตุและไม่แจ้งล่วงหน้า และตนโทรศัพท์สอบถาม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพท. ทราบว่านายทักษิณให้ปลด ข้อเท็จจริงดังกล่าว พล.อ.พัลลภกล่าวอ้างและพาดพิง นพ.ชลน่าน
และยังกล่าวอ้างว่านายทักษิณเป็นเจ้าของพรรค ด้วย กรณีจึงมีเหตุต้องขอให้ กกต.ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวจาก นพ.ชลน่าน ดังต่อไปนี้ 1.พล.อ.พัลลภโทรศัพท์หานพ.ชลน่านจริงหรือไม่ เบอร์โทรอะไร วัน เวลาใด 2.พล.อ.พัลลภ ถูกนายทักษิณ ปลดออกจากสมาชิกพรรคพท.จริงหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า 3.พล.อ.พัลลภถูกลบชื่อออกจากการประชุมใหญ่ประจำปีที่ จ.ขอนแก่นจริงหรือไม่ 4.นพ.ชลน่านทราบเรื่องที่นายทักษิณให้ปลดพล.อ.พัลลภจริงหรือไม่ 5.การกล่าวอ้างของพล.อ.พัลลภทำให้พรรคพท.เสียหายหรือไม่ และพรรคพท.จะฟ้องร้องดำเนินคดีกรณีนี้อย่างไร หรือไม่
นอกจากนี้ ยังขอให้ กกต.สอบ พล.อ.พัลลภที่กล่าวอ้างว่า “…เขาเป็นเจ้าของพรรค…” นั้น พล.อ.พัลลภ หมายถึงนายทักษิณเป็นเจ้าของพรรคพท.ใช่หรือไม่ มีหลักฐานใดหรือไม่ ข้อเท็จจริงที่ขอให้ กกต.ตรวจสอบนั้น ขอให้พิจารณาด้วยว่าจะเข้าข่ายฝ่าฝืนพรป.พรรคการเมือง ม.28 ตามมาหรือไม่ ด้วยเหตุดังกล่าวในเช้าวันนี้ จึงได้ส่งหนังสือไปทางไปรษณีย์อีเอ็มเอสถึงประธาน กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวต่อไปแล้ว
นายเรืองไกร กล่าวถึงปัญหาการนับวาระพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ว่า จากการติดตามบรรดานักการเมือง นักกฎหมาย ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ สรุปได้ว่าวันที่ 24 ส.ค.จะยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่ตนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอถึงวันนั้น เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ให้สิทธิสามารถยื่นร้องผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้
ฉะนั้นตนจึงตั้งใจว่าวันที่ 10 ม.ค.นี้ จะไปยื่นสำนวนต่อกกต.ให้ศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และเมื่อถึงวันที่ 24 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้เลย ไม่เช่นนั้นหากมีคำสั่งการบริหารราชการต่างๆ เกิดขึ้นในขณะนั้นจะยุ่งยาก
“ถ้าเป็นแบบที่ฝ่ายค้านวางกำหนดไว้ คือวันที่ 24 ส.ค. ก็ได้แค่เข้าชื่อเพื่อเสนอนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ซึ่งตามขั้นตอนก็ยังต้องตรวจสอบรายชื่อส.ส. จากนั้นถึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ ผมถามว่าระหว่างแบบที่ผมทำกับแบบที่ฝ่ายค้านทำ แบบไหนเร็วกว่ากัน ฝากบอกฝ่ายค้านด้วยว่าอ่านกฎหมายให้แม่นหน่อย เป็น ส.ส.มา 2 ปีกว่าแล้ว
การยื่นร้องเพื่อพิจารณาวาระนายกฯ ครบ8 ปี ใช้เพียงแค่เสียงของหัวหน้าแต่ละพรรคของฝ่ายค้านก็เพียงพอแล้ว ถ้าฝ่ายค้านเขียนสำนวนไม่ถูก จะฝากให้ผมเขียนให้ก็ได้ หรือถ้ากลัวจะเสียหน้า ฝากเรืองไกรร้องให้ก็ได้ ร้องให้ฟรีเลย และถ้านายกฯโกรธ ผมก็ไม่สนใจ เพราะเป็นประโยชน์ของประเทศ เป็นเรื่องของความสง่างามว่าสรุปแล้วอยู่เป็นนายกฯ ต่อได้หรือไม่ได้” นายเรืองไกร กล่าว