ชายอังกฤษถูกตัดสินให้จำคุกจนวันตาย ฐานฆาตกรรม-กระทำชำเราศพนับร้อยในห้องดับจิต

Home » ชายอังกฤษถูกตัดสินให้จำคุกจนวันตาย ฐานฆาตกรรม-กระทำชำเราศพนับร้อยในห้องดับจิต


ชายอังกฤษถูกตัดสินให้จำคุกจนวันตาย ฐานฆาตกรรม-กระทำชำเราศพนับร้อยในห้องดับจิต

นายเดวิด ฟูลเลอร์ อดีตช่างไฟฟ้าของโรงพยาบาลในอังกฤษถูกศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีสิทธิได้รับการปล่อยตัว ฐานฆาตกรรมหญิงสาว 2 คนเมื่อ 34 ปีก่อน และกระทำชำเราศพผู้หญิงกว่า 100 ศพในห้องดับจิตของโรงพยาบาล

นายฟูลเลอร์ วัย 67 ปี สังหาร น.ส. เวนดี เนลล์ วัย 25 ปี และ น.ส. แคโรไลน์ เพียร์ซ วัย 20 ปี ในเหตุฆาตกรรมต่างวาระ ที่เมืองทันบริดจ์ เวลส์ มณฑลเคนต์ ในปี 1987 นอกจากนี้ยังล่วงละเมิดทางเพศศพผู้หญิง ซึ่งรวมถึงเด็ก อย่างน้อย 102 ศพ ในห้องดับจิต 2 แห่งในมณฑลเคนต์ ในช่วง 12 ปีที่เขาทำงานเป็นช่างไฟประจำโรงพยาบาล

ในระหว่างการอ่านคำตัดสิน ผู้พิพากษาหญิงแห่งศาลเมืองเมดสโตน ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า มีความประสงค์ที่จะให้นายฟูลเลอร์อยู่ในคุกไปจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต

“การกระทำของคุณขัดกับทุกอย่างที่ถือเป็นความถูกต้องและความเป็นมนุษย์ เป็นการกระทำที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้”

“คุณไม่เคารพศักดิ์ศรีของผู้เสียชีวิต” ผู้พิพากษาหญิงกล่าว

นายฟูลเลอร์ ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต 2 กระทง ในความผิดฐานฆาตกรรมหญิงสาวทั้งสองราย บวกกับโทษจำคุกอีก 12 ปีจากความผิดอื่น ๆ

คดีเขย่าขวัญ

คำเตือน : เนื้อหาต่อไปนี้มีรายละเอียดที่อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ

นางพาเมลา แม่ของ น.ส. เนลล์ อ่านถ้อยแถลงของผู้เสียหายต่อหน้าศาล โดยบรรยายถึงลูกสาวว่า “เป็นคนมีน้ำใจที่จะทำทุกอย่างให้กับทุกคน”

นางพาเมลา กล่าวต่อว่า ลูกสาวฝันอยากที่จะมีลูก แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น “พวกเราใช้ชีวิตอยู่กับการสูญเสียเธอไป โดยที่ไม่มีอะไรจะช่วยคลายทุกข์ได้ตลอดชีวิต”

  • คดีข่มขืนต่อเนื่องหญิงชราในไทยพา ตร.หญิง มาเรียน ป.เอก จิตวิทยาการสืบสวนในอังกฤษ
  • ตัดสินประหารชีวิตฆาตกรต่อเนื่อง “ฮอลลีวูด ริปเปอร์”
  • เอฟบีไอยืนยัน ซามูเอล ลิตเติ้ล คือฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ขณะที่นางแคทรีนา ฟรอสต์ แม่ของ น.ส. เพียร์ซ ระบุว่า การฆาตกรรมลูกสาวของเธอคือเหตุการณ์ “เขย่าขวัญ” และเป็นฝันร้ายที่ยังคง “ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน”

เวนดี เนลล์ (ซ้าย) และ แคโรไลน์ เพียร์ซ (ขวา) ถูกฆาตกรรม ในปี 1987

เธอเปรียบนายฟูลเลอร์เป็น “สัตว์” ที่ “ได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติกับครอบครัว” หลังก่อเหตุฆาตกรรม ในขณะที่พวกเธอนั้น ไม่อาจใช้ชีวิต “ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“ฉันจะไม่มีวันลืมการที่ต้องไปยืนยันอัตลักษณ์ร่างที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงของลูกสาวตัวเอง…ภาพที่ต้องเห็นลูกสาวของฉันแบบนั้น ผุดขึ้นมาในความคิดของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“ลูกคงจะหวาดกลัวสุดขีด” นางฟรอสต์กล่าวถึงห้วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของลูกสาว

นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ประกาศเปิดการสอบสวนอิสระเกี่ยวกับคดีนี้ เพื่อให้ทราบว่า นายฟูลเลอร์สามารถก่อเหตุโดยที่โรงพยาบาลไม่ล่วงรู้เป็นเวลานานนับสิบปีได้อย่างไร พร้อมระบุว่าจะพิจารณาถึง “มาตรการระดับชาติ” จากกรณีที่เกิดขึ้น

กระชากหน้ากากฆาตกรจิตวิปริต

ทีมสืบสวนสอบสวนระบุว่า คดีนี้ถูกเปิดโปงได้จากความก้าวหน้าของการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งตำรวจใช้งบประมาณในการทำคดีไป 2.5 ล้านปอนด์ (ราว 110 ล้านบาท) และทำให้สามารถเชื่อมโยงนายฟูลเลอร์เข้ากับการฆาตรกรรมหญิงสาวทั้งสอง ซึ่งถูกเรียกว่า the Bedsit Murders หรือ “คดีฆาตกรรมในห้องเช่า”

หลังจากถูกจับกุมในปี 2020 ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของนายฟูลเลอร์ ที่เมืองฮีธฟิลด์ ในมณฑลอีสต์ ซัสเซกซ์ แล้วพบกับคลิปที่เขากำลังกระทำชำเราศพระหว่างปี 2008 ถึงเดือน พ.ย. ปี 2020

นายฟูลเลอร์ทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงไฟฟ้าที่โรงพยาบาลหลายแห่งมาตั้งแต่ปี 1989 โดยทำงานที่โรงพยาบาลเคนต์แอนด์ซัสเซกซ์ จนกระทั่งโรงพยาบาลปิดตัวไปในเดือน ก.ย. ปี 2011

นายฟูลเลอร์ซ่อนฮาร์ดไดรฟ์เก็บคลิปที่เขากำลังกระทำชำเราศพไว้ด้านหลังตู้ลิ้นชักที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า

จากนั้น เขาย้ายไปทำงานที่โรงพยาบาลทันบริดจ์ เวลส์ แล้วก่อเหตุเรื่อยมาจนกระทั่งถูกจับกุม

ตำรวจเจ้าของคดีระบุว่า อดีตช่างไฟรายนี้จะแอบเข้าไปในห้องดับจิตในเวลาที่พนักงานคนอื่นกลับออกไปหมดแล้ว และ “มักจะย้อนกลับไปกระทำชำเราศพเดิมอยู่ซ้ำ ๆ”

นายดันแคน แอตคินสัน คิซี อัยการ ระบุว่า นายฟูลเลอร์ “กระทำชำเราศพซ้ำ ๆ อย่างเป็นระบบ” โดยศพดังกล่าวมีตั้งแต่เด็กหญิงอายุ 9 ขวบ วัยรุ่นหญิงอายุ 16 ปี 2 ราย และหญิงอายุ 100 ปีอีก 1 ราย

แม่ของเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ได้อ่านถ้อยแถลงของผู้เสียหายต่อศาลว่า “คุณข่มขืนลูกสาวของฉัน เธอไม่สามารถพูดปฏิเสธชายโสโครกอายุ 66 ปี ที่กำลังย่ำยีร่างกายของเธอได้…ฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้”

ในการพิจารณาคดีพบว่า นายฟูลเลอร์ใช้บัตรผ่านในการทำงานที่โรงพยาบาลเข้าไปกระทำชำเราศพในห้องดับจิต

ส่วนหญิงอีกคนขึ้นกล่าวในฐานะทายาทของเหยื่อว่า การกระทำของนายฟูลเลอร์เป็น “ความชั่วช้า และวิปริต ผิดมนุษย์มนา” และเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งผิดศีลธรรมเช่นนี้

“แม่เสียชีวิตไปแล้ว…และไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ แต่คุณกลับกระทำชำเราท่าน ในวันที่ท่านเสียชีวิต”

ในระหว่างการไต่สวนก่อนหน้านี้ มีการแสดงหลักฐานว่า หลังจากสังหาร น.ส. เนลล์ แล้ว นายฟูลเลอร์ยังข่มขืนร่างไร้วิญญาณของเธอด้วย

น.ส. เนลล์ ถูกฆาตกรรมที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ปี 1987 โดยแฟนหนุ่มเป็นผู้พบศพเธอในวันถัดมา หลังจากเธอไม่ไปทำงานตามปกติ ส่วน น.ส. เพียร์ซ ถูกลักพาตัวไปจากด้านนอกที่พักเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ปีเดียวกัน

นายฟูลเลอร์ให้การรับสารภาพว่า มีความผิดจริงในคดีฆาตกรรมทั้งสองราย ในระหว่างการไต่สวนเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เขายอมรับว่าเป็นคนลงมือสังหารหญิงสาวทั้งสอง โดยอ้าง “เหตุลดหย่อนความรับผิด” (diminished responsibility) จากความผิดปกติทางด้านจิตใจ แต่ปฏิเสธว่าเป็นการฆ่าโดยเจตนา

 

นอกจากนี้ เขายังยอมรับผิดในความผิดอื่น ๆ อีก 51 ข้อหา ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง 44 ข้อหาที่เกี่ยวข้องกับศพกว่า 80 ศพที่สามารถระบุตัวตนได้ในห้องดับจิต 2 แห่งที่เขาเคยทำงานอยู่

นายไมลส์ สกอตต์ ผู้บริหารกองทุนสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติเมดสโตนและทันบริดจ์ (Maidstone and Tunbridge Wells NHS Trust) ได้ออกมาขอโทษครอบครัวผู้ได้รับความเสียหาย และรับปากจะดำเนินการชดเชยต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ผู้บังคับการตำรวจสืบสวน พอล ฟอเธอริงแฮม กล่าวว่า นายฟูลเลอร์มีความผิดใน “การกระทำชั่วร้ายที่น่าตกตะลึงเกินจะจินตนาการได้” พร้อมระบุว่าเขาได้ “สร้างความทุกข์และความบอบช้ำทางจิตใจอย่างแสนสาหัสกับผู้คนหลายร้อยชีวิต โดยไม่มีความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย”

………….

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ