ลาล่า อาร์สยาม เปิดใจไม่มีกั๊ก นาทีร่ำไห้เคลียร์ใจ ไหว้ขอโทษ อี๊ด 7 ปีที่ออกจากโปงลางสะออน สุดช้ำคำด่าเนรคุณ-ดังแล้วแยกวง
นักร้องสาว ลาล่า อาร์สยาม เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ แบบหมดเปลือก ไม่มีกั๊ก นาทีร่ำไห้เคลียร์ใจ อี๊ด โปงลางสะออน กับ 7 ปีที่แยกออกจากวง เผยเหตุผลในวันที่ตัดสินใจออกมาพร้อมเพื่อนซี้ ลูลู่ สุดเจ็บปวดกับคำด่า เนรคุณ ดังแล้วแยกวง
7 ปีผ่านไปทำไมเพิ่งมาเคลียร์ใจกัน? “มันยังไม่มีโอกาสได้มาคุยกันเป็นกิจจะลักษณะ สมมติเราไปปาร์ตี้กัน เราไม่อยากให้งานกร่อย ไม่อยากเอาอดีตมานั่งเล่าถึงความน้อยอกน้อยใจ เราแค่อยากเก็บความรู้สึกที่เวลาไปหาพี่ อยากคุยแค่เรื่องความสุข ถามสารทุกข์สุขดิบไม่อยากไปคุยถึงเรื่องอดีตที่บางอย่างทำให้เรารู้สึกน้อยใจ เสียใจกับสิ่งที่พี่เราทำ หรือเราไปทำให้พี่เขาเสียใจ มันมีจุดหนึ่งที่เรายังไม่เคยพูดกันเต็มๆ จุกๆ บางรายการพูดไปแล้วแต่มันไม่สุด ยังไม่ได้คุยถึงจุดพีกว่าเพราะอะไรอย่างจริงจัง ก็เลยได้มานั่งคุยกันแบบกิจจะลักษณะแล้วเป็นพื้นที่ของเราด้วย”
จุดพีกที่ว่าคืออะไร แล้วยังเป็นครั้งแรกที่เพิ่งได้เปิดใจเคลียร์กัน? “ส่วนมากเราจะไม่คุยเรื่องความน้อยใจ เรารู้ว่าพี่อี๊ดเป็นคนคิดมาก เราเคยพูดกับเขาเวลาประชุมในวง ทำไมพี่เป็นแบบนี้ล่ะ เขาจะมีความรู้สึกน้อยใจน้องว่า ทำไมน้องคิดกับกูแบบนี้วะ สิ่งที่แสดงออกมามันทำให้น้องรู้สึกว่า ทำไมพี่ถึงทำกับน้องแบบนี้ เขาเป็นคนขี้น้อยใจ พอเวลามันผ่านไปตัวเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจนรับความรู้สึกนี้ได้ มันก็เลยได้มานั่งคุยกันจนเขายอมรับตัวเองได้”
แล้วลาล่าน้อยใจอะไรพี่อี๊ด? “เป็นความน้อยใจในการทำงาน บางทีการเป็นผู้นำเขาไม่ฟังเราเลย เขามีอีโก้ เขามีมาตรฐานของเขาอยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ ไปให้ถึงจุดนี้ให้ได้แต่เราไปไม่ถึง บางครั้งเราโดนดุ ดุในความตั้งใจของเราแล้วเราก็รู้สึกน้อยใจ แต่ความน้อยใจนั้นไม่เคยบอก เราจะทำให้พี่เราเห็นว่าเราทำได้จริงๆ แต่บางอย่างเราก็ไปไม่ถึง”
ซึ่งความน้อยใจก็คือโชว์ 1 ชั่วโมงเราได้ออก 15 นาที 10 นาทีบ้างก็มี เขาอารมณ์ฉุนเฉียว ถ้าเราพูดกับเขาตอนนั้นเลย การเดินทางที่มันจะไปจังหวัดต่อจังหวัดมันยังมีอยู่ เขาจะเก็บไว้ในใจแล้วรู้สึกว่าน้องน้อยใจเขา มันจะไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราเลือกที่จะเก็บ เรารู้อารมณ์ต่อเนื่องของเขา พี่อี๊ดเขาก็เคยชมเราว่าล่ามันเก่ง มันเก็บอารมณ์ไว้ได้ ความทุกข์สุขเศร้ามันขึ้นไปบนเวทีมันสามารถสลัดอารมณ์ทุกอย่างทิ้งได้หมด มีแต่รอยยิ้มความสนุกสนานบนเวที แต่พี่อี๊ดวางไม่เป็น คือโมโหจากข้างล่างหรือไม่รู้ว่าโมโหจากที่ไหนก็หอบความโมโหขึ้นไปข้างบน เขาวางทั้งหมดลงไม่ได้ ทีนี้พอไปบอกเขามันจะมีแต่ความโมโหดับเบิ้ลขึ้นไปอีก เราก็เลยเลือกที่จะเก็บ พอมันเก็บมันเลยกลายเป็นความน้อยใจ”
สะสมนานเข้าเลยเป็นจุดตัดสินใจออกมา? “ใช่ รู้สึกเหนื่อย เบื่อ เจอแต่สิ่งเดิมๆ แต่ก่อนมันสนุกแล้วมาเจออารมณ์ลบๆ ทำงานก็เหนื่อยแล้ว มันไม่ใช่แค่พี่อี๊ดนะคะ มีหลายอย่างในวง การอยู่ร่วมกันกับคนอื่น การเดินทาง อายุของเราด้วย สิ่งที่เราอยากจะทำอีกหลายอย่าง มันไม่ใช่จุดหลักแค่พี่อี๊ดอย่างเดียว”
ช่วงพีกของโปงลางสะออน เคยหลงระเริงกับชื่อเสียงไหม? “ไม่ค่ะ เราไม่เคยหลงระเริงกับชื่อเสียง สิ่งนี้ต้องขอบคุณพี่อี๊ดตลอด เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกตัวลอย พี่อี๊ดจะดึง ดึงแรงด้วย คำว่าลืมตัวหรือหลงระเริงกับคำว่าชื่อเสียงไม่มีเลย พี่อี๊ดสอนน้องมาดีมาก”
ตอนออกมา โดนด่าดังแล้วแยกวง? “เป็นคำถามที่อยากร้องไห้เลย อยากบอกพี่อี๊ดว่า พูดแล้วเราอยากร้องไห้เลย (เสียงเครือน้ำตาคลอ) มันเจ็บปวด มันทรมาน มันรู้สึกแย่ มันไม่ใช่แค่คำถาม แต่มันคือความรู้สึกที่เหมือนเราออกจากอกพ่ออกแม่ เหมือนเราจากบ้านที่แสนอบอุ่นของเรามาแล้วต้องมาเผชิญชีวิต ที่แบบนี้เหรอคือสิ่งที่พี่อี๊ดกลัวเราจะมาเจอ มันโคตรจริงเลยสิ่งที่พี่อี๊ดพูด มันถูกมากเลยว่าถ้าได้เจอแบบนี้จะแก้ปัญหายังไง ถ้างานติดต่อมาจะทำยังไง ก่อนหน้านี้เขารับงานเขาดูแลเราหมด จนพอเราต้องมาเจอปัญหาเอง เราเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงเกรี้ยวกราดถึงระเบียบกับเราเยอะขนาดนี้”
“แต่ในเมื่อเราเลือกที่จะออกมาแล้ว สิ่งที่พี่เตือนเราแล้ว มันเจอแล้ว เราก็ต้องสู้ไปให้ได้ แต่ในขณะที่เราสู้ เราโคตรคิดถึงพี่เลย แต่มันกลับไปไม่ได้ ในเมื่อเรายืนยันว่าเราจะออกมา เราต้องทำให้พี่เราเห็นว่าเราแข็งแรง แข็งแกร่ง เราทำได้นะ พี่จะต้องภูมิใจกับเรา”
โดนกระแสคนด่าแรงถึงขั้นว่า เนรคุณ? “จุกอยู่ในหัวใจเรา ลบออกยากมากเลยทุกวันนี้ อยากจะบอกว่า ทุกคนไม่ได้อยู่กับพวกเราโปงลางสะออน 24 ชม. ทุกคนไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเราปฏิบัติต่อกัน รับความรู้สึกต่อกันในช่วงทำงานตอนนั้นกว่าเราจะปรับจูนกัน พี่อี๊ดคือผู้นำคือผู้สั่ง เราคือผู้ปฏิบัติ อาจจะทำไม่ถูกใจผู้สั่ง ความต้องการพี่อี๊ดมันมีเต็มร้อยแต่เราไปไม่ถึงร้อยให้พี่อี๊ด มันเลยมีบางอย่างเกิดการไม่พอใจในสิ่งที่เป็นคำพูด การกระทำ”
“ลาล่ากับพี่อี๊ดพอเปิดใจคุยกัน ณ วันนี้มันไม่มีอะไรผิด มันไม่มีอะไรถูก แต่มันเป็นการลองผิดลองถูก เราได้ยินจากสิ่งที่พี่อี๊ดพูดมาว่า ดีด้วยซ้ำที่น้องเลือกที่จะทำอย่างนั้น เรารู้สึกดีใจที่พี่พูดคำนี้ออกมาให้เราได้ยิน เรารู้สึกสบายใจแล้ว ต่อให้ใครทั้งโลกไม่เข้าใจเราก็ช่าง ไม่แคร์ ขอแค่พี่อี๊ดรักเราแค่นั้นพอ เข้าใจน้องแค่นี้พอ กำลังใจของลาล่าลูลู่มันมีจากแฟนๆ แหละ แต่ถ้าพี่อี๊ดไม่เข้าใจเรา ลาล่าลูลู่ก็อยู่ไม่ได้”
“ต่างฝ่ายต่างได้พยายามแล้ว ลาล่าคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ตัวพี่อี๊ดก็ดูแลน้องดีที่สุดแล้ว มันดีที่วันนี้เรายังคงรักกันมากพอ จากที่เราหายไป 7ปีไม่ได้ร่วมงานกัน ถ้าเรารักกันไม่มากพอ เราจะไม่สามารถกลับมาคุยกันเหมือนวันนี้ได้เลย วันนี้เราอาจจะโกรธกันเกลียดกันก็ได้แต่ไม่ใช่ มันทำให้ลาล่าเห็นว่า โปงลางสะออนโคตรยิ่งใหญ่เลย เรารักกันมากพอ เราถึงกล้าคุยกันแบบนี้ กล้าให้อภัยกันแบบนี้”
ตอนที่พี่อี๊ดยกมือไหว้ขอโทษเรา ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนปลดล็อกเลยไหม? “พี่อี๊ดไม่เคยทำอย่างนั้นกับใครมาก่อน แล้วก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่อี๊ดทำในคลิปนั้นนะคะ พี่อี๊ดทำบ่อยมาก เรารู้ได้เลยว่าเขารักเรามาก เราเลยถามเขาว่า สิ่งที่พี่ทำ พี่รัก พี่ห่วง พี่หวงหรือพี่อะไร แต่เขาก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเรานะ แต่เราสรุปได้สั้นๆ ว่า บางคำพูดที่มันทำให้เรารู้สึกเสียใจ เขารักเราแหละ ถ้าเขาไม่รักเรา เขาจะไม่คิดอะไรบางอย่างเพื่อพวกเรา ถ้าคนไม่ได้รักกันเขาจะไม่ส่งมุก เขาจะไม่มาเซอร์ไพรส์เรา เขาจะไม่มาคอยดู คอยอยู่เบื้องหลังเรา เขาจะมีงานป้อนมาให้เราตลอด ผู้ชายที่กระด้างๆ คนหนึ่งพูดคำว่ารักกับน้องไม่เป็นแต่แสดงออกมาหยาบๆ แต่เรารู้ว่ารัก”
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะยังตัดสินใจออกมาเหมือนเดิมไหม แล้วคิดว่าสิ่งที่ตัดสินใจในวันนั้นถูกหรือผิด? “ถูกค่ะ ต่อให้ย้อนกลับไปได้ก็จะตัดสินใจออกมา เพราะว่าก่อนที่จะออกมาเราก็ยื่นข้อเสนอไปแล้วว่าเราสามารถที่จะรับอย่างอื่นเยอะได้ไหม แต่ว่าคอนเสิร์ตก็ยังมี พี่เขาก็บอกว่าอย่าเพิ่ง ให้มันไปกับวงซะก่อน แต่เราคำนวณเวลาแล้วว่าถ้ายังไปต่ออีก อายุเรามันจะเยอะขึ้น การทำงานที่จะไปต่ออย่างอื่นมันจะช้า ถ้ามันรับเป็นจ๊อบๆ มันจะยังได้ไหม 15 ปีที่ล่าอยู่กับพี่อี๊ดมาให้มันเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะจดจำในใจไปกับภาพที่สวยงามดีกว่า ถ้าเราตัดสินใจออกจากวงตอนที่อายุ 40 เราทำอะไรได้บ้าง ถ้าไปเล่นละครก็บทแม่แล้ว”
“ข่าวนี้ออกไปลาล่าเชื่อว่ามันจะมีบางคนที่ยังด่าลาล่า ลูลู่ อีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ 15 ปีที่เราอยู่มามันนานมาก ทุกคนเห็นแค่โชว์เราเป็นบางโชว์ เป็นบางชั่วโมง คุณต้องคิดว่าเขาอยู่ด้วยกัน 24 ชม.จริงๆ มันควรต้องมีอะไรหลากหลายอย่าง วันที่ลาล่าตัดสินใจออกมาในเลือดของลาล่ากรีดออกมายังไงมันก็มีคำว่า โปงลางสะออน อยู่ดี ลาล่ากับพี่อี๊ดกลับไปคุยกันว่าสุดท้ายมันคือความภูมิใจ เหมือนเราไปแตกแขนงคำว่าโปงลางสะออนให้ได้เห็นในหลายรูปแบบหลายช่องทาง ไม่ใช่แค่จะต้องเห็นเราในรูปแบบการโชว์”
“สำหรับคนที่จะคอมเมนต์ด่าลาล่า บอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รักพวกเรา หรือคิดว่าเราเป็นคนไม่ดีไม่เป็นไร แต่อยากจะบอกว่าพี่อี๊ดรักเราก็พอ แค่นั้นจบ คิดดูว่าถ้าพ่อกับแม่เกลียดลูกผิดปกตินะ แต่พี่อี๊ดรักเรา พี่อี๊ดก็คือพ่อกับแม่เราคนหนึ่ง พี่อี๊ดยังห่วงหาอาทรสนับสนุนเรา พี่อี๊ดไม่เกลียดเรา คุณคิดว่าเราเป็นคนยังไงพี่อี๊ดเขาถึงยังรักเราอยู่ แค่นั้นแหละ
และคนที่เข้าใจผิดว่าลาล่าลูลู่ทำไมทำกับพี่อี๊ดแบบนี้ ทำไมดังแล้วแยกวง อยากให้เข้าใจในส่วนของการทำงานที่มันจะต้องหลากหลายรูปแบบ ลาล่าไม่สามารถไปอธิบายในหลายๆ ความคิดทางลบกับเราสองคนลาล่าลูลู่ ลาล่าก็คือโปงลางสะออน ทุกวันนี้ลาล่าเดินทางไปไหน คนก็จะถามหาพี่อี๊ดล่ะ ลูลู่ล่ะ ทุกคนก็คิดว่าเราอยู่ด้วยกัน วันนี้เราไปในนามของลาล่า โปงลางสะออนไปในรูปแบบของละคร ไปในรูปแบบของรายการ”
“สิ่งที่ลาล่าไม่เคยลดลงเลย คือดอกใหญ่ๆ ทุกคนบอกเปลี่ยนสิ มันมีบางคอนเซ็ปต์ที่เราจะต้องใส่ชุดราตรีชุดสวยๆ ดอกมันไปกับชุดไม่ได้ แต่งานโชว์เราไม่เคยทิ้งดอกใหญ่ๆ ของเราเลย ก็ฉันรักของฉัน ฉันคือโปงลางสะออน บิ๊กฟลาวเวอร์ของเรา คุณจะมาลบความเป็นโปงลางสะออนไม่ได้ นี่คือความภูมิใจของเรา”
มีโอกาสกลับมารวมตัวกันเป็นโปงลางสะออนเหมือนเดิมไหม? “มีอยู่แล้ว ที่จริงมันจะมีมาตั้งนานแล้ว แต่โควิดไม่ไปสักที ในใจลาล่ามีร้อยเปอร์เซ็นต์ เราให้เกียรติพี่อี๊ดเสมอในการตัดสินใจ คำว่าโปงลางสะออน อีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเราฝากไว้กับพี่อี๊ดด้วย เรามีคำปรึกษาพอเวลาเราจะทำอะไร มันก็ต้องปรึกษาพี่ใหญ่ของเรา งานนี้มันจะเกิดขึ้นเพราะลาล่าคนเดียวมันเป็นไปไม่ได้ มันต้องรอพี่อี๊ดเคาะเมื่อไหร่คือเมื่อนั้น เพราะวันแรกของการตัดสินใจขึ้นคอนเสิร์ตมันคือพี่อี๊ดจัดสรรชีวิตทุกอย่างให้พวกเราหมด ฉะนั้นครั้งนี้ที่จะเป็นประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งที่จะต้องกลับมาให้ทุกคนได้หวนคิดถึงอีกครั้งหนึ่ง ยังไงก็จะต้องมีเพราะเราคุยกันตลอด”
“ให้โอกาสลาล่าลูลู่ได้ทำงานอย่างอื่นบ้าง ให้โอกาสเขาบ้าง ไม่ใช่จะมาโจมตีเขา เห็นไหม พอมึงตกอับแล้วสิ มึงถึงกลับไปหาเขา คุณอย่าไปคิดเอง คุณไม่รู้เรื่องอย่าสรุปเรื่องเอง คุณให้โอกาสเขาได้ทำอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่กอดกันอยู่อย่างนั้น บางทีกอดกันแน่นๆ มันอึดอัด ถามกลับว่าแล้วจะให้พี่อี๊ดเลี้ยงเราจนแก่ไหม ต้องเห็นใจพวกเราบ้างว่ามันมีหลายอย่างที่เราต้องทำ แล้วทีนี้พอโควิดมาสมมติเราหอบกันอยู่แบบนี้ พี่อี๊ดจ่ายเงินเดือนให้ไหมล่ะทีนี้ พี่อี๊ดเลี้ยงน้องไหวเหรอ 30 กว่าชีวิต ถ้าเกิดพี่อี๊ดจะต้องจ่ายให้น้องเดือนละแสน 30 คน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว การที่เราแยกย้ายกันทำมาหากิน แต่เรายังรักยังกลมเกลียวกันเหมือนเดิม แล้วถ้าเกิดอยากจะจ้างงานเราก็ทำให้ได้”
“ที่จริงมันปลดล็อกตั้งนานแล้ว เอาจริงๆ นะ ถ้าคนไม่รักกันจริงจะไม่กล้าพูดความในใจกันแล้วจะไม่กล้ารับความบกพร่องในตัวเอง เพียงแต่วันนั้นเรายังพูดกับพี่อี๊ดในความน้อยใจของเราไม่ได้ เพราะว่าพี่อี๊ดต้องทำงานต่อ แล้วเรารู้ว่าตัวพี่อี๊ดจะรับไม่ได้เพราะพี่อี๊ดจะนอยด์ งานมันมีต่อเนื่องอีกเยอะถ้าเราไปพูดว่า พี่อี๊ด หนูไม่ชอบเลยที่พี่มาพูดแบบนี้กับหนู คุณคิดว่าคนที่ต้องแบกรับภาวะลูกน้อง 30 กว่าคน แล้วทุกคนต้องพูดแบบนี้แล้วพี่อี๊ดจะเสียใจไหม เสียใจนะ เราเลือกที่จะเก็บไว้ ถ้าไม่รักเราเลือกที่จะพูดให้มันแตก คำว่าแตกคือแตกไปเลย แล้วเราจะมาประคองอารมณ์พี่เราไว้ทำไมถ้าเราไม่รักกัน”
“พี่อี๊ดเขาเป็นคนชวนที่จะเปิดใจตรงนี้เอง งั้นแสดงว่าไม่กั๊กแล้วนะ เราก็ปล่อยเต็มแม็กซ์เลยสิ่งที่เราเสียใจคืออะไร มันก็โอเค พอมันผ่านเวลามา ถ้าพูดตอนนั้นมันอาจจะโกรธ มาพูดตอนนี้มันโคตรฮาเลย ดีแล้วล่ะที่ไม่พูดตอนนั้น บางอย่างมันต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าเราตกอับแล้วไปหาพี่นะ แต่มันทำตอนนั้นไม่ได้ ถ้ารักกันจริงอย่าเพิ่งทำตอนนั้น ถ้าทำตอนนั้นมีสิทธิ์ผีไม่เผา เรารู้ใจกันพอแล้วเลือกเวลาที่จะพูดดีกว่าเลือกที่จะปะทะตอนนั้นแล้วแตกหักกันไปเลย คนที่ให้กำเนิดเรามาอยู่ในวงการ เราจะแตกหักกันอย่างนั้นไม่ได้ เราขอเวลาให้ทั้งสองฝ่ายต่อให้นานแค่ไหน แต่มันคุ้มค่ากับสิ่งที่เรารอคอย”
อยากฝากถึงอะไรกับแฟนๆ โปงลางสะออน? “ขอบคุณมากๆ ค่ะที่รักและคิดถึงโปงลางสะออน ทุกแรงสนับสนุนทำให้โปงลางสะออนมีทุกวันนี้ได้ มีชื่อเสียงเงินทองเกิดขึ้นมาได้ หลายอย่างที่ทุกคนรู้สึกอกหักเกิดขึ้นได้ยังไง อี๊ดล่าลู่แยกทางกัน พอมันมาถึงจุดหนึ่งถึงวาระของมันก็จำเป็นจะต้องแยกย้าย แต่คำว่าแยกย้ายมันไม่ได้ลาจาก สุดท้ายแล้วพี่อี๊ดก็ยังเป็นห่วงลูลู่ลาล่าเหมือนเดิม ทุกคนไม่รู้ว่าเบื้องหลังพี่อี๊ดเข้ามาซัพพอร์ตเรายังไง ก็ไม่ได้โพสต์ออกสื่อ เรายังอยู่ในความปกครองของพี่อี๊ดตลอดเวลา ถ้ามีโอกาสเราก็อยากกลับมามีผลงานให้กับแฟนๆ ได้รับชมอีกครั้งหนึ่ง
ภาพที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่ากี่หมื่นกี่พันคนที่รอดูเรา ภาพความทรงจำเหล่านั้นมันอยู่ในใจไม่มีวันลืม มันเป็นอะไรที่อเมซิ่งสำหรับชีวิตพวกเรามาก มันคือภาพความทรงจำภาพคอนเสิร์ตใหญ่ที่เราจัดขึ้น คนเป็นหมื่นๆ กี่รอบคนก็ดูเรา เป็นเมตตายิ่งใหญ่ให้พวกเราได้ยืนหยัดจนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้นเดี๋ยวให้พวกเราได้รวมพลังกัน คุยคอนเซ็ปต์กัน ไม่นานเกินรอ น่าจะมีอะไรให้ทุกท่านได้ชื่นอกชื่นใจว้าวกับคำว่าโปงลางสะออนอีกครั้งค่ะ”