“จุรินทร์” ไม่หนีตอบกระทู้ ส.ส.ก้าวไกล ปัญหาราคาผลไม้และส่งออก แนะ “ญาณธิชา” มาบอกปัญหากับปาก พร้อมขอชื่อ เบอร์โทร เกษตรกรคิดฆ่าตัวตาย
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยเป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา ซึ่งน.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล ถาม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงเรื่องปัญหาราคาผลไม้และการส่งออกผลไม้ ซึ่งเป็นกระทู้ถามสดที่เลื่อนมาจากสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากนายจุรินทร์ เลื่อนการตอบกระทู้เพราะติดภารกิจ จนทำให้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ไม่พอใจ
โดย น.ส.ญาณธิชา ถามว่า จ.จันทบุรีมีทุเรียนและลำไยเยอะที่สุดในประเทศไทย ในช่วงม.ค. – พ.ค. ปี 64 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดถึงเกือบ 6 หมื่นล้านบาท โดยมีประเทศจีนเป็นตลาดนำเข้าเป็นอันดับหนึ่งถึง 51,000 ล้านบาท สำหรับลำไยปี 63 ทั้งปีมีมูลค่า 17,000 ล้านบาท และส่งออกไปประเทศจีนถึง 12,000 ล้านบาท เราต้องยอมรับว่าประเทศจีนถือเป็นประเทศหลักในการนำเข้าผลไม้ของไทย แต่จีนก็มีมาตรการเข้มงวดในการสกัดกั้นไวรัส โควิด-19 หากเจอ โควิด-19 ที่ด่าน ถ้าไม่มีการตีกลับสินค้าก็จะเผาสินค้าทั้งตู้คอนเทนเนอร์ที่ด่านแทน
และมีมาตรการระงับการนำเข้าสินค้าตามมาด้วย เช่น การตรวจพบเพลี้ยแป้งในลำไย และการพบเชื้อโควิด-19 ปนเปื้อนบนกล่องนำเข้าทุเรียนของไทย ซึ่งตรวจพบที่จีน แทนที่รัฐบาลจะเร่งยกระดับมาตรฐานการป้องกันการปนเปื้อนให้เข้มงวดมากขึ้นตามมาตรฐานสากล กลับนิ่งนอนใจคิดว่าเป็นปัญหาเล็ก ปัจจุบันการนำเข้าผลไม้ทางจีนได้ตรวจสอบเข้มงวดมาทุกล็อตทุกขั้นตอน
เพราะเชื่อว่ามาตรฐานของไทยไม่ได้อยู่ในมาตรฐานที่จีนยอมรับได้ ทำให้ปัจจุบันด่านชายแดนของจีนทั้งทางบกและทางเรือมีการจำกัดการนำเข้าสินค้าผลไม้จากไทยบ้างแล้ว ทำให้สินค้าของไทยเสียหาย เพราะใช้เวลานานในการขนส่ง หากด่านตรวจพบโควิด จีนก็ปิดด่านทันที ทั้งนี้ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข หากยาวไปถึงหน้าทุเรียนปีหน้า ประชาชนจะเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหน ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์
ด้านนายจุรินทร์ ชี้แจงว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ภาพรวมพบว่าไทยสามารถส่งออกผลไม้จากไทยไปยังตลาดประเทศจีนมากถึง 86% ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการไปแล้วทุกเรื่องโดยเฉพาะการบูรณาการงานร่วมกันกับกระทรวงเกษตรฯ ยอมรับว่าจีนเป็นตลาดส่งออกผลไม้สำคัญที่สุด หลายกรณีต้องแก้ไขปัญหาหน้างาน โดยเฉพาะด่านเวียดนาม เราแก้ไขปัญหามาโดยลำดับ และสั่งการให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตรฯดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์ เมื่อมีปัญหาที่ด่านก็จะจับมือร่วมกันเจรจา โดยด่านที่สั่งปิดจริงๆคือด่านโมฮั่น ตนจึงสั่งการให้เจรจาการกับจีนทุกช่องทางทางการทูตเพื่อเร่งรัดการเปิดด่าน
ที่ผ่านมาก็ได้มีการทดลองระบบและให้สินค้าของไทยผ่านด่านไปจีนได้ เป็นการทดลองระบบภายใต้มาตรการคุมเข้มโควิด-19 ทั้งนี้ตัวเลขล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1-14 ธ.ค. พบว่ามีรถจากไทยส่งสินค้าไปจีนแล้วจำนวน 212 คัน มีทั้งลำไย ส้มโอ ทุเรียน กล้วยไข่ และมีการเจรจาเร่งรัดเปิดด่าน เบื้องต้นจีนมีปฏิทินเบื้องต้นว่าจะพยายามเปิดด่านเต็มรูปแบบให้ได้ช่วงต้นปี 65 สำหรับมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเราดำเนินการตั้งแต่ภาคการผลิต และการขนส่งสินค้าทุกอย่าง
เพราะเราตระหนักว่าสถานการณ์โควิด-19 สินค้าไทยต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับลุกค้าทั่วโลกได้ ว่าเรามีมาตรการคุมเข้มทุกขั้นตอน หากประเทศไหนสงสัยเราสามารถออกใบรับรองเรื่องกระบวนการผลิตและการขนส่งได้ ส่วนปัญหาลำไยที่เกิดปัญหาแป้งเพลี้ยนั้น จากการเจรจาของทูตพาณิชย์และทูตเกษตรฯทำความเข้าใจกับรัฐบาลจีนจนในที่สุดรัฐบาลจีนก็ผ่อนปรนให้ สามารถนำเข้าลำไยได้แล้ว เพราะเรามีมาตรการครบถ้วน
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์นั้นขาดแคลนทั่วโลก และเป็นปัญหาของทุกประเทศ ไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งตนได้จับมือภาคเอกชนแก้ไขปัญหานี้มาตั้งแต่ต้น ช่วงหลังปัญหาก็คลี่คลายขึ้น แต่ที่หนักกว่าปัญหาตู้ฯคือปัญหาค่าระวาง น้ำมันแพงเป็นปัญหาในระยะยาวที่ต้องแก้ปัญหา ทั้งนี้การแก้ปัญหาคลี่คลายด้วยดี ทำให้มียอดการส่งออกเป็นบวกถึง 40% แม้เจอภาวะโควิด-19 และหาก น.ส.ญาณธิชา มีปัญหา สามารถแจ้งกับตนแบบปากต่อปากได้ เพราะเรามีเป้าหมายตรงกันคือการแก้ปัญหาให้เกษตรกร
ทำให้น.ส.ญาณธิชา โต้กลับ ว่า หากการแก้ปัญหาดีจริง ทำไมมีชาวสวนโทรศัพท์มาหา เพื่อบอกว่าจะฆ่าตัวตาย และขอให้ใช้เป็นเคสตัวอย่าง ดังนั้นขอให้ส่วนราชการเร่งแก้ปัญหา ทำให้นายจุรินทร์ ขอชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของเกษตรกรที่ดังกล่าว เพื่อติดต่อสอบถามถึงช่องโหว่ของการแก้ปัญหาของกระทรวง และถามถึงสาเหตุและต้นตอปัญหาที่แท้จริง