คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

บทเรียน ด้านกลับ สถานการณ์ “สาวบ้านดุง” บทเรียน ประยุทธ์

กรณีของคำถามจาก “สาวบ้านดุง อุดรธานี” กำลังกลายเป็นกรณีศึกษาอันแหลมคม

ไม่เพียงเป็นกรณีศึกษาว่า “สาวบ้านดุง” สามารถทะลุรอดกรงเล็บอันมีการจัดวางอย่างเป็นระบบ ไปเสนอคำถามต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างไร

ในเมื่อการตระเตรียมทั้งหมดมีการจัดระบบอย่างดี

ไม่ว่าจะเป็นการรับมอบจาก นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดย นายอานนท์ แสนน่าน ที่เคยเป็นประธานหมู่บ้านเสื้อแดง

โดยการหนุนเสริมจากหน่วยงาน “ความมั่นคง”

ยอมรับเถิดว่าการเยือนอุดรธานีครานี้จัดเต็ม เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

หากไม่จัดเต็มจะสามารถโอ้โลมปฏิโลมกระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย่อมต้วมเตี้ยมตามไปด้วยแม้จะเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่งก็ตาม

ไปยืนร่วมกันเบื้องหน้า “พญานาค” อันมากด้วยฤทธา

หากไม่จัดเต็ม นายอานนท์ แสนน่าน จะพามวลชนไปซ้อมการประสานเสียง “เรารักลุงตู่” อย่างคึกคัก ได้อย่างไรภายในหน่วยราชการ

เพียงแต่เมื่อเกิดกรณี “สาวบ้านดุง” ทุกอย่างก็พังครืน

ต้องยอมรับว่าภายในการจัดวางตาข่ายอย่าง แน่นหนาก็บังเกิดจุดอ่อนรอยโหว่ขึ้น

เรื่องนี้ต้องเริ่มต้นจากความเป็นจริงในพื้นที่ ของจังหวัดอุดรธานีที่เป็นพื้นที่ในความยึดครองอย่างต่อเนื่อง ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย

แม้ล่าสุดเดือนมีนาคม 2562 “3 ป.” ก็เจาะไม่สำเร็จ

การเดินทางไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในท่วงทำนองแบบ “ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมือง” จึงท้าทาย

ท้าทายต่อ “เพื่อไทย” อย่างชนิดตีแสกหน้า

ปรากฏการณ์ “สาวบ้านดุง” จึงอาจเป็นอุบัติเหตุและความบังเอิญในทางการเมือง

กระนั้น อุบัติเหตุนี้ก็ส่งผลเสียต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะเดียวกัน ก็ก่อผลดีต่อการดำรงอยู่ของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ของอุดรธานี

เท่ากับตอกย้ำยืนยันในการเป็น “งูเจ้าถิ่น” อย่างเป็นจริง