เพื่อไทย ยก 7 ข้อสวนสภาพัฒน์ฯ ชี้สัญญาณอันตราย คนจนเพิ่ม 5 แสน อัดบัตรคนจนไม่ช่วยแก้จน ต้องแทนที่ด้วยบัตรสร้างงาน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคพท.และ ผอ.ศูนย์นโยบายพรรคพท.แถลงข่าวกรณีสภาพัฒน์ฯ ชี้แจงกรณีคนจนเพิ่มขึ้น 5 แสนคนในปี 63 ว่า
1.จากความล้มเหลวในด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล พรรคพท.ไม่แปลกใจที่ตัวเลขคนจนปี 63 เพิ่มขึ้น แต่แปลกใจในมุมมองของหน่วยงานภาครัฐที่ว่าคนจนน้อยกว่าคาด เพราะได้เงินรัฐเยียวยา เราไม่ควรพึงพอใจกับสิ่งเหล่านี้ ต่อไปก็กู้มาแจก แจกจนคนพ้นเส้นความยากจนทุกคน แต่ประเทศเป็นหนี้ แล้วพึงพอใจว่าแก้จนได้อย่างนั้นหรือ ต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนจนนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นเรื่องที่ต้องกังวล โดยปกติจำนวนคนจนควรลดลงทุกปีๆ จากการพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ถ้าปีไหนไม่ลด นั่นคือสัญญาณอันตราย
2.ตัวเลขคนจนที่เพิ่มขึ้นถึง 5 แสนคนนั้น น่าเป็นห่วง เพราะเพิ่มจากปีก่อนหน้าถึง 11.6% เทียบกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งที่คนจนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 6.2% ต่อปี สะท้อนความรุนแรงของวิกฤตครั้งนี้ ที่เปอร์เซ็นต์คนจนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงต้มยำกุ้งถึงเกือบ 2 เท่าตัว
3.คนจนที่เพิ่มขึ้น 5 แสนคนนั้น เป็นตัวเลขปี 63 ซึ่งยังไม่ได้สะท้อนผลกระทบของปี 64 ที่สาหัสกว่าปี 63 มีการระบาดที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่ากันถึงกว่า 100 เท่า การล็อกดาวน์ต่อเนื่องยาวนานและหลายระลอกกว่า การปิดกิจการ การตกงานที่หนักหน่วงกว่า (Q3/64 มีคนว่างงานสูงสุดตั้งแต่มีการระบาด) ซึ่งผลกระทบเหล่านี้จะสะท้อนในตัวเลขคนจนที่จะเพิ่มขึ้นในปี 64
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า 4.อย่าโทษว่าคนจนเพิ่มเพราะโควิด เพราะรัฐบาลปัจจุบัน และ คสช.ทำคนจนเพิ่มก่อนจะมีโควิดด้วยซ้ำ โดยเฉพาะช่วง คสช.ปี 58 – 61 คนจนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 11.7%” เทียบเท่าช่วงวิกฤตในปัจจุบัน เปรียบเทียบกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่แก้จนสำเร็จ ทำให้คนจนลดลงเฉลี่ย 6.9% ต่อปี
5.คนจนที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อปัญหาหนี้ สะท้อนในตัวเลขหนี้ครัวเรือน ที่น่ากังวลคือหนี้นอกระบบที่ปัจจุบันเพิ่มจากปี 62 ถึง 52% นี่คือปรากฏการณ์หนี้ในระบบไหลสู่หนี้นอกระบบซึ่งตรงนี้อันตราย แก้ยาก และส่งผลกระทบซึมลึกต่อเศรษฐกิจไทย
6.พรรคพท.แปลกใจและกังวลใจต่อคำให้สัมภาษณ์ตามข่าว ที่ว่าบัตรคนจนสามารถเป็นนโยบายระยะยาวต่อเนื่องไปได้ พรรคพท.เห็นว่านโยบายในลักษณะหยอดเงิน หรือล่อคนด้วยเงินผ่านบัตรคนจนนั้น ไม่ใช่คำตอบของการแก้จน ไม่ควรเป็นนโยบายในระยะยาว เพราะไม่ได้สร้างผลบวกต่อเศรษฐกิจในระยะยาว บัตรคนจนควรจะถูกแทนที่ด้วยบัตรสร้างงาน เพราะการสร้างงานเท่านั้นคือคำตอบการแก้จน ต้องเปลี่ยนการแจกเงินเป็นการแจกงาน
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า 7.นโยบาย “1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน” ของรัฐบาล เลียนแบบมาจากนโยบายแก้จนจนแบบตรงจุด (TPA) ของจีน ปัญหาคือเราไปจำของเขามาพูด โดยที่ไม่เข้าใจว่าต้องคิดให้ครบทั้งระบบ เริ่มจากการค้นหาปัญหาของคนยากจนในระดับรายบุคคล เชื่อมปัญหานั้นกับหน่วยงานที่ตั้งขึ้นพิเศษ ตั้งกองทุนเฉพาะเพื่อแก้จน การออกพันธบัตรเพื่อกระตุ้นการย้ายภาคการผลิต การเชื่อมกับสถาบันการเงินเพื่อให้ Microcredit รวมถึงสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด และการจับให้ผู้ซื้อได้เจอกับผู้ขาย ทั้งหมดนี้ต้องคิดให้ครบวงจร เชื่อมนโยบายระดับ Macro กับ Micro ให้ผสานกัน ต้องคิดให้ครบทั้งระบบแบบนี้ ไม่ใช่จำเขามาพูดเป็นท่อนๆ