FootNote:รอยร้าว แตกแยก ภายใน ‘รัฐบาล’ สัมพันธ์ แนบแน่น กับ ‘เสถียรภาพ’

ความนิ่งของพรรคภูมิใจไทย ความนิ่งของพรรคประชาธิปัตย์ ความนิ่งของพรรคชาติไทยพัฒนา ต่อสถานการณ์ล่อแหลมที่จะนำไปสู่ปรากฎการณ์ ‘สภาล่ม’ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน

มากด้วยความละเอียดอ่อนและอ่อนไหวเป็นอย่างสูงในทางการเมือง

เพราะเด่นชัดยิ่งว่ามีจุดเริ่มมาจาก ‘ภายใน’ พรรคพลังประชารัฐ

ไม่ว่าจะมองผ่านการยืนขึ้นอภิปรายอันก่อให้เกิดเป็นประเด็นร้อนในทางการเมืองของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ว่าจะมองผ่านการพยายามผ่อนเบาปัญหาของ นายนิโรธ สุนทรเลขา

มีความเด่นชัดอย่างยิ่งว่าทำไมพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา จึงต้องนิ่ง หรือถึงจะแสดงออกบ้างก็เป็นไปในการกันตนเองออกต่างหาก

เนื่องจากสถานะของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เนื่องจากสถานะของ นายนิโรธ สุนทรเลขา ล้วนมีพื้นฐานมาจากพรรคพลังประชารัฐทั้งสิ้น

การนิ่งจึงทำให้ ‘ภาพ’ พรรคพลังประชารัฐ โดดเด่นและแจ่มชัด

ภายในสภาวะค่อนข้างเฉยเมยจากพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา อันเป็นพรรคสำคัญภายในพรรคร่วมรัฐบาล สะท้อนว่าพวกเขาตระหนักรู้ตามความเป็นจริง

นั่นก็คือความเป็นจริงอันกำลังกลายเป็น ‘ปัญหา’ และส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมือง

นั่นก็คือ ความเป็นจริงที่มีรอยร้าวแยกระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับหลายส่วนภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะกรณีที่มีการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากตำแหน่ง

มีความต้องการรุกไล่ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นไปจากตำแหน่งกรรมการบริหารภายในพรรค

เพียงแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ยอมคล้อยตามเท่านั้น

ตราบใดที่ความขัดแย้งอันสะท้อนรอยร้าวและความต้องการทางการ เมืองที่แตกต่างกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้รับการชำระสะสางอย่างสร้างสรรค์

สภาวะล่อแหลมที่จะนำไปสู่ ‘สภาล่ม’ จักต้องเกิดขึ้นต่อเนื่อง

นี่คือปัญหาใจกลางที่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ต่างรับรู้อยู่เต็มอก

ขณะเดียวกัน ก็ลำบากอย่างยิ่งที่จะเบียดเข้าไปสอดแทรกได้