สองผู้จัด พี่ฉอด สายทิพย์ – เอส วรฤทธิ์ เคลียร์ดราม่าตอนจบ กระเช้าสีดา บอกทำให้ถูกใจทุกคนได้ยาก ลั่นไม่มีถูก-ผิด ชมกรีนเก่ง จองคิวเป็นนางเอกค่ายต่อเนื่อง
กระเช้าสีดา ลาจอไปด้วยเรตติ้งพุ่งกระฉูดสวยงาม ทำเอาสองผู้จัดค่ายเช้นจ์2561 ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และ เอส วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย ยิ้มแก้มปริ รวมถึงนักแสดงนำ นางเอกสาว กรีน อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ที่รับบท รำนำ ตัวละครที่ทำให้คนดูทั้งเกลียดและสงสาร ที่ผู้จัดเอ่ยปากชมไม่หยุดถึงฝีมือการแสดง พร้อมเคลียร์ประเด็นขึ้นแท่นนางเอกลูกรักไปแล้ว มีผลงานกับค่ายอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 สองผู้จัด รวมทั้งสาวกรีน ที่มาฟิตติ้งละครเรื่องใหม่ “โฉมโฉด” ของค่ายเช้นจ์2561 ที่ One Shot Studio ย่านโชคชัย4 ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกระแสตอนจบ กระเช้าสีดา ที่ถึงแม้จะลาจอไปด้วยเรตติ้งสูง แต่ก็ทำให้หลายคนผิดหวังกับตอนจบไม่น้อย
เรตติ้งละคร กระเช้าสีดา จบสวยงามมาก? เอส : “ต้องบอกว่าเกินความคาดหมาย ทุกครั้งที่ทำงานคาดหวังอยู่แล้วให้งานมันออกมาดี แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์เราไม่รู้หรอก คนดูจะเป็นคนให้คำตอบกับเราเองซึ่งก็ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่ากระเช้าสีดาเป็นครั้งแรกที่เราต้องหยุดออกอากาศกลางคันทั้งๆ ที่รอบแรกมันออกอากาศไป 7 ตอนแล้ว กระแสก็ดีมาก แล้วต้องหยุดไปหลายเดือน แต่ในการหยุดไปกลับมาอีกครั้งคนดูก็ยังตามดูเราอยู่”
ฉอด : “เรตติ้งตอนจบอยู่ที่ 6.8 ซึ่งตอนจบเราก็ทำเอาไว้อยู่แบบเดียว มีคนพูดกันเยอะถึงเรื่องตอนจบของกระเช้าสีดา แต่เราอยากจะบอกว่าก็คงจะเป็นเรื่องยากนะคะถ้าเกิดจะทำให้ตอนจบออกมาถูกใจทุกคน เพราะว่าแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป อาจจะมีหลายคนที่รู้สึกข้องใจว่าทำไมรำนำถึงไม่ตายตกไปตามกันหรือได้รับผลอะไรที่มากกว่านี้ แต่ในความคิดของพวกเราที่เป็นคนทำงานมองว่าชีวิตของรำนำจริงๆ พยายามจะสื่อสารในบทอยู่เสมอว่ารำนำไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย แล้วรำนำเป็นคนที่ไม่ยอมยกโทษให้ตัวเอง เขาโทษตัวเองตลอดเวลาว่าการที่เขาเกิดมาเป็นแบบนี้ แม่เป็นแบบนี้ คือโทษทุกคนไปหมด เลยทำให้ชีวิตเขาเป็นแบบนี้ เราก็เพียงอยากจะสื่อสารว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราสามารถให้อภัยและยกโทษให้ตัวเองได้ รวมถึงให้อภัยและยกโทษให้คนอื่นได้ ชีวิตก็สามารถจะกลับมามีความสุขได้เหมือนกัน อันนี้คือความตั้งใจของพวกเราในมุมของคนทำงาน แต่ก็เข้าใจว่าอาจจะมีหลายคนที่รู้สึกว่ามันเป็นคนชั่ว มันต้องตาย เป็นบ้า หรือติดคุกสิ อันนั้นก็ขอบคุณจริงๆ ในทุกคำวิเคราะห์วิจารณ์ เพราะนั่นแสดงว่าทุกคนให้ความสนใจกับตัวละคร แต่อย่างที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีถูกไม่มีผิด แล้วแต่ว่าใครจะคิดแบบไหนยังไง ซึ่งบังเอิญเราเลือกที่จะคิดแบบนี้”
เอส : “คนที่ได้รับผลกรรมอย่างรำนำ ถ้าในเชิงละครเขาก็ได้รับผลกรรมจากสิ่งที่ทำไปแล้ว ทั้งแม่ตาย ทั้งตัวเองเดินไม่ได้ ซึ่งมันก็เยอะนะ ดังนั้นมันก็คงไม่ได้ผิดมากหรอกที่คนคนหนึ่งที่เคยผิดพลาดในอดีต แล้วถ้าเขาคิดได้กลับตัวได้ แล้วเขาจะเริ่มกลับมามีความสุขอีกครั้งหนึ่ง เรามองว่าวันนี้สังคมไทยจำเป็นเหมือนกันที่เราจะต้องให้โอกาสและให้ความหวัง ให้คนดูรู้สึกว่าคนนี้กำลังรู้สึกชีวิตฉันแย่แล้วยังไงเหรอ ฉันต้องแย่ลงไปอีก หรือฉันจะไม่สามารถกลับขึ้นมาดีได้ ถ้าฉันเป็นคนเลวฉันจะต้องเป็นคนเลวต่อไป แล้วจุดจบของฉันจะต้องสิ้นหวังอย่างเดียวอย่างนั้นเหรอ ละครของค่ายเราจะมีเมสเสจซ่อนอยู่ทุกครั้ง สำหรับเรื่องนี้เราอยากจะให้คนดูรู้สึกว่าผิดแล้วก็สามารถพลิกกลับมาได้ ชีวิตมันยังมีโอกาสและความหวังรออยู่”
หลายคนมองว่าละครจบเร็วเกินไปหรือเปล่า น่าจะไปต่อได้อีกหลายตอน? เอส : “จบเร็วเหรอครับ จริงๆ ออกอากาศทั้งหมด 16 ตอน เดิมมันแค่ 12 เองนะครับ(หัวเราะ)”
ฉอด : “คืออาจจะยังมีหลายคนที่สนุกกันอยู่ ยังอยากดูอีกๆ แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ถามว่าจบตามนวนิยายไหม จริงๆ ก็ต้องบอกว่ามันต่างจากนิยายมาเยอะเหมือนกัน ซึ่งคุณกฤษณา อโศกสิน(เจ้าของบทประพันธ์)ท่านก็ได้ดูด้วย ท่านก็ยังส่งข้อความมาบอกว่าท่านยังไปเอานิยายของตัวเองมาอ่านเองอีกทีหนึ่ง รู้สึกสนุกดีจังเลย ในการวางอะไรต่างๆ นานามันก็อยู่ในช่วงของการทำบท คุยกันคิดกันมาตั้งแต่ต้นว่าเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ได้ยืดไม่ได้หดอะไรใดใด”
ในฐานะที่เป็นคนเล่นเอง คิดเห็นยังไงกับตอนจบของรำนำ? กรีน : “จริงๆ ก็คิดเหมือนกับที่พี่เอส พี่ฉอดพูดทั้งหมดเลยค่ะ สำหรับความเห็นที่หลากหลายอันนี้ก็แล้วแต่ คือเราก็ไม่ได้ไปกำหนดว่าความเห็นนี้ถูกหรือผิด มันไม่มีคำว่าถูกหรือผิดเลยค่ะ ทุกอย่างมันคือเรื่องของการให้โอกาสและการให้อภัยมากกว่า กรีนมองว่าละครเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวแทนของสังคมมากกว่าที่ให้สังคมได้เห็นว่าชีวิตของแต่ละคนเป็นยังไง เรื่องนี้ก็ถือเป็นมาสเตอร์พีซของตัวเองเพราะไม่เคยพลิกบทมาเล่นร้ายมาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรกเราก็ตั้งใจเต็มที่ แต่เราก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของละคร จริงๆ แล้วละครเรื่องนี้ที่สนุก กลมกล่อม และออกมาได้ดีเป็นเพราะทุกๆ คนร่วมมือกัน”
ตอนนี้กรีนเป็นลูกรักเบอร์ต้นเลยไหม? ฉอด : “จริงๆ ลูกรักมีเยอะเลยค่ะ รักทุกคนค่ะ ค่ายเราต้องรักทุกคนเพราะทำละครเยอะมาก นักแสดงไทยมีไม่ได้เยอะโดยเฉพาะคนที่มีฝีมือ ส่วนกรีนหลังจากจบกระเช้าสีดาไปแล้ว ยังมีอีก 2 เรื่องต่อเลย ถามว่าเห็นอะไรในตัวเขา เขาเก่งอ่ะ เชื่อว่าไม่ใช่แค่เราที่เห็นหรอก ทุกคนในประเทศนี้ก็เห็นหมดแล้ว เขาเป็นคนมีความสามารถจริงๆ”
เอส : “คิวกรีนไม่ว่างแล้วนะครับ ไม่ต้องมาขอแล้วนะคิวอยู่ที่เรา(หัวเราะ)”
รู้สึกยังไงบ้างที่พี่ฉอดเอ็นดู? กรีน : “ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ด้วยความที่เราเพิ่งได้มาเล่นกับเช้นจ์ครั้งแรกคือเรื่องกระเช้าสีดา เราก็รู้แหละว่าเราต้องพิสูจน์ฝีมือของตัวเอง เราก็ทำเต็มที่เท่าที่ความสามารถของเราทำได้ แล้วก็ตั้งใจกับมัน รวมถึงให้เกียรติกับบทละคร การทำงาน และคนดู ผลที่ออกมามันก็ตามเป้าหมาย”
ฉอด : “นอกเหนือไปจากความสามารถในการแสดงแล้ว มันคงเป็นเรื่องของความตั้งใจในการที่จะร่วมงานกัน อันนี้ไม่ได้หมายถึงกรีนคนเดียว แต่หมายถึงทั้งทีมเลยที่ทำให้ละครออกมาดี”