ไม่มีไทย! – วันที่ 24 พ.ย. รอยเตอร์ รายงานว่า ฝ่ายบริหารของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา เชิญไต้หวันเป็นหนึ่งใน 110 ประเทศและดินแดน เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย (Summit for Democracy) ทางออนไลน์ที่สหรัฐจัดขึ้นเป็นครั้งแรก วันที่ 9-10 ธ.ค. 2564 เพื่อช่วยหยุดยั้งการเสื่อมถอยทางประชาธิปไตยและการพังทลายของสิทธิและเสรีภาพทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ในรายชื่อของประเทศผู้ได้รับเชิญโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ไม่มีมหาอำนาจอย่างจีนและรัสเซีย ส่วนไทยไม่ได้เทียบเชิญด้วย แม้จะมี 3 ประเทศอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
กระทรวงต่างประเทศไต้หวันแถลงว่า น.ส.ออดรีย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิตอลไต้หวัน และน.ส.เสี่ยว เหม่ย-ฉิน ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำกรุงวอชิงตัน จะเป็นผู้แทนของไต้หวันในการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย
“การเชิญประเทศของเราเข้าร่วมในการประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยเป็นการยืนยันของความพยายามของไต้หวันในการส่งเสริมค่านิยมของประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนตลอดหลายปีที่ผ่านมา” กระทรวงต่างประเทศไต้หวันระบุ
ต่อมา นายจ้าว หลีเจียน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อคำเชิญนี้ โดยกล่าวว่า “การกระทำของสหรัฐเพียงเพื่อแสดงประชาธิปไตยนั้นเป็นแค่เปลือกนอกและเครื่องมือเพื่อให้สหรัฐก้าวไปสู่เป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ กดดันประเทศอื่นๆ แบ่งโลก และรับใช้ผลประโยชน์ตัวเอง”
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นขณะที่จีนเพิ่มแรงกดดันให้ประเทศต่างๆ ลดระดับหรือตัดความสัมพันธ์กับไต้หวัน และก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวระหว่างการประชุมแบบเวอร์ชอลครั้งแรกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ว่า สหรัฐสนับสนุนนโยบายจีนเดียวโดยยอมรับรัฐบาลจีนอย่างเป็นทางการมากกว่าไทเป แต่ต่อต้านความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนสถานะหรือบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ขณะที่ประธานาธิบดีสีเตือนว่า ผู้แสวงหาเอกราชในไต้หวันและผู้สนับสนุนการกระทำดังกล่าวในสหรัฐกำลัง “เล่นกับไฟ”
รอยเตอร์รายงานด้วยว่า การประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตยเป็นบททดสอบที่จะพิสูจน์คำพูดของประธานาธิบดีไบเดนที่เคยแถลงนโยบายต่างประเทศเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนก.พ.หลังเพิ่งเข้ารับตำแหน่งว่า จะให้สหรัฐอเมริกากลับมาเป็นผู้นำระดับโลกเพื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มเผด็จการที่นำโดยจีนและรัสเซีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“ไบเดน” หารือ “สี จิ้นผิง” 3 ชั่วโมง ระอุปม “ไต้หวัน” แลกคนละหมัด