หญิงชราเข่าทรุด โดนยึดบ้านไม่รู้ตัว พบชื่อ-สกุล เหมือนคนกู้เงินแล้วไม่จ่าย

Home » หญิงชราเข่าทรุด โดนยึดบ้านไม่รู้ตัว พบชื่อ-สกุล เหมือนคนกู้เงินแล้วไม่จ่าย


หญิงชราเข่าทรุด โดนยึดบ้านไม่รู้ตัว พบชื่อ-สกุล เหมือนคนกู้เงินแล้วไม่จ่าย

หญิงชราช็อกเข่าทรุด โดนหมายยึดบ้านไม่รู้ตัว ตรวจสอบ พบชื่อ-สกุล เหมือนคนที่กู้เงินแล้วไม่จ่าย วอนขอความเป็นธรรม

วันที่ 23 พ.ย.​ 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสำลี ทองดี อายุ 73 ปี หญิงชราพิการ ชาวบ้าน ม.1 บ้านสระพัง ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ ถูกบุคคลนำหมาย-เอกสาร-โฉนดที่ดิน มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของบ้าน-ที่ดินรายใหม่ หลังได้ซื้อจากการประมูลจาก ยึดบ้านบนที่ดินนำไปขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ส่งผลให้ครอบครัวยายชราทั้ง 7 คนจะต้องย้ายออกไปก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งสร้างความร้อนใจและสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าอาจจะมีการตรวจสอบข้อมูลหรือยึดทรัพย์ผิดคนได้ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นของ นายสิงห์ ทองดี (เสียชีวิต) ซึ่งเป็นคู่สมรสพบกับ นางสำลี

ต่อมา นายประดิษฐ์ พงษ์สระพัง กำนันตำบลสระพัง อำเภอบ้านแท่น เดินทางเข้าร่วมรับฟังและชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทาง นางสำลี และครอบครัวมาร้องขอความเป็นธรรมกับกำนัน-ศูนย์ดำรงธรรม และแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านแท่น โดยยืนยันว่าเรื่องราวที่ได้สร้างตามความตกใจให้กับครอบครัว ถึงขนาดที่ครอบครัวไม่เป็นอันกินอันนอน และงงกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

จากการตรวจสอบเอกสารและข้อมูลพบว่าได้มีบุคคลที่ชื่อ นางสำลี ทองดี อายุประมาณ 60 ปี อีกราย แต่มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ที่ ม.2 บ.หนองไผ่ ต.สระพัง อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ มีคู่สมรสคือ นายถนอม ทองดี โดยเมื่อปี49 ได้ไปยืมเงินนายทุนที่ อ.คอนสาร จำนวน 40,000 บาท เพื่อไปทำไร่อ้อย ก่อนจะใช้หนี้คืนไป 10,000 บาท จากนั้นก็ไม่ได้ใช้หนี้อีกเลย และได้ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดกว่า 20 ปี แล้ว

นางสำลี อายุ 73 ปี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ย. มีกลุ่มบุคคลถือหมายศาลเดินเข้ามา แจ้งว่าได้ซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้ว ต้องการให้ย้ายออก ภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยตนและลูกรวม 7 คน ได้อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เกิด เพราะเป็นบ้านต้นตระกูลอยู่กันมาเกือบร้อยปี และยืนยันว่าไม่เคยนำโฉนดหรือบ้านหลังดังกล่าวนี้ไปยื่นกู้หรือเข้าจำนองกับผู้ใด แต่กลับมีบุคคลมาแสดงตัว ทั้งยังอ้างหนังสือเอกสารใบยึดที่ดินที่มีการประมูลมาอย่างถูกต้องมายึดบ้าน ตนทำอะไรไม่ถูกทั้งครอบครัวรู้สึกตกใจมาก จึงได้แจ้งกำนันให้ช่วยตรวจสอบ และร่วมพิจารณาตามเอกสาร

จากการตรวจสอบพบว่าในเอกสารหน้า 1 ได้ระบุไว้ว่า มีสัญญา เงินกู้ ระหว่างโจทก์ที่ยื่นฟ้อง สองสามีภรรยา (ถนอม-สำลี ทองดี) ที่เคยมีปัญหาในเรื่องของการกู้เงินตั้งแต่ปี 2546 และไม่ได้มีการชดใช้จึงมีการฟ้องศาล กระทั่งเรื่องไปถึงกรมบังคับคดี หมายเลขโฉนดที่ดิน15139 ที่มีผู้ครอบครองคือ นายถนอม -นางสำลี ทองดี

“ยืนยันว่าเป็นคนละคนกับที่อยู่ในหมายศาลที่มีการฟ้องร้องกันอย่างแน่นอน จากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่ถูกฟ้องร้องกับยาย มีชื่อและนามสกุลที่ตรงกัน แต่อยู่คนละหมู่บ้าน ซึ่งยายอาศัยอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลสระพัง แต่ผู้ที่ถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์อาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลสระพังหมู่บ้านถัดไป”

จึงเกิดเป็นคำถามว่าทางหน่วยงานราชการทางด้านกฎหมาย ทำไมถึงจึงมีความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ถึงขนาดนี้ ตนก็ยังเกิดความกังวลว่าจะสามารถนำที่ดินที่เป็นที่ของต้นตระกูล ที่เคยอาศัยก็อยู่กลับคืนมาได้หรือไม่ จึงอยากขอร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดำเนินการให้ถูกต้องและให้ความเป็นธรรมแก่ตนด้วย

ด้าน นายจักรพล พงษ์สระ ผู้ใหญ่บ้านหมู่2 ตำบลสระพัง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า นางสำลี ทองดี มีตัวตนจริง และยืนยันว่าเป็นลูกบ้านของตน ได้มีตัวตนอยู่จริง พร้อมกับนายถนอม ทองดี ที่เคยเป็นลูกบ้านที่นี่แต่ได้ออกไปทำงานต่างจังหวัดหลายปีแล้ว โดยจะกลับมาปีละครั้งหรือ 2 ปีครั้งเท่านั้น โดยมีการมาเยี่ยมญาติในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ก็ไม่เคยได้พูดคุยกันบ่อยนัก

ขณะที่ นายประดิษฐ์ กำนันตำบลสระพัง ได้พาคุณยายพร้อมครอบครัวไป คัดคำร้องต่อที่ศาลจังหวัดภูเขียว สำนักงานบังคับคดี จังหวัดชัยภูมิสาขาภูเขียว ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านแท่น อัยการสำนักงานอัยการ โดยสรุปว่าให้มีการระงับการซื้อขายพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากมีผู้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรม และจะทำหนังสือเพื่อเชิญทนายความ ซึ่งทำเอกสารส่งฟ้องศาลและกรมบังคับคดียึดทรัพย์ดังกล่าวมาเพื่อเจรจาให้มีการรับผิดชอบในเบื้องต้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ