ผู้นำเอลซัลวาดอร์ – วันที่ 22 พ.ย. บีบีซี รายงานว่า เอลซัลวาดอร์วางแผนก่อสร้างเมืองบิตคอยน์ที่ฐานภูเขาไฟ โดยใช้สกุลเงินคริปโตเป็นเงินทุนสำหรับโครงการนี้.

นายนายิบ บูเคเล ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ กล่าวว่า เมืองดังกล่าวจะเป็นวงกลมเพื่อเป็นแทนรูปทรงของบิตคอยน์ขนาดใหญ่ และจะก่อสร้างภูมิภาคลายูเนียน (La Unión) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยพื้นที่ดังกล่าวจะใช้ประโยชน์ของพลังงานความร้อนใต้พิภพของภูเขาไฟกอนชากัว (Conchagua) เพื่อขับเคลื่อนการขุดบิคคอยน์.

ผู้นำเอลซัลวาดอร์วัย 40 ปี กล่าวปราศรัยที่งานโปรโมตบิตคอยน์ในเมืองชายฝั่งมีตาซา เมื่อวันเสาร์ที่ 20 พ.ย. ว่า เมืองใหม่ที่วางแผนแห่งนี้จะ “รวมทุกอย่าง” เข้าด้วยกัน ทั้งบริเวณที่อยู่อาศัย การค้า บริการ พิพิธภัณฑ์ สถานบันเทิง ร้านเหล้า ร้านอาหาร สนามบิน ท่าเรือ รถไฟ ซึ่งเป็นทุกสิ่งที่ทุ่มไปกับบิตคอยน์.

นายบูเคเลกล่าวว่า ในเมืองดังกล่าวจะไม่มีการเก็บภาษีเงินได้ เก็บเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยครึ่งหนึ่งของเงินได้จาก VAT จะถูกนำไปใช้สร้างเมืองดังกล่าว. อีกครึ่งหนึ่งจะถูกนำไปใช้เพื่อรักษาให้ถนนเรียบร้อยและสะอาด.

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไม่ได้ระบุวันที่การก่อสร้างหรือเสร็จสิ้นการก่อสร้างเมือง. แต่คาดว่าโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะส่วนใหญ่จะมีราคาประมาณ 300,000 บิตคอยน์ (563 ล้านบาท).

การขุดบิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ทำด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน. ทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายสูง ยาก และใช้พลังงานจำนวนมาก.

เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ใช้บิตคอยน์เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนก.ย. ควบคู่กับดอลลาร์สหรัฐ.

ในเวลานั้น รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ปล่อยแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินดิจิตอลใหม่ โดยแจกบิตคอยน์แก่พลเมืองทุกคนคนละ 30 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ มีการติดตั้งเครื่องถอนเงินสดใหม่มากกว่า 200 เครื่องทั่วประเทศ.

รัฐบาลเอลซัลวาดอร์นำเสนอมาตรการดังกล่าวเป็นแนวทางในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการจ้างงาน. เท่ากับว่าภาคธุรกิจตอนนี้จำต้องยอมรับสกุลเงินดิจิตอลในชำระสินค้าและบริการ จึงมีเสียงประท้วงเป็นวงกว้างด้วยความกลัวว่า บิตคอยน์จะทำให้เอลซัลวาดอร์เองไม่มีเสถียรภาพและเงินเฟ้อ. ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมูลค่าของมันผันผวนอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างมากในปีที่ผ่านมา.