สภาเดือดกลางดึก สว.เสรี ค้านร่างแก้รธน.ฉบับประชาชน กล่าวหา ปิยบุตร เสนอ เป้าหมายปลุกขัดแย้ง ก่อนประท้วงวุ่น ปมโลงศพ
เมื่อเวลา 23.20 น. วันที่ 17 พ.ย. ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของกลุ่มรีโซลูชั่น หรือร่างฉบับประชาชนของรัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า ในร่างนี้ ส.ว.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ใส่ร้ายป้ายสี ใช้ถ้อยคำรุนแรง ถูกดูถูก ดูหมิ่น เหมือนคนพูดเป็นเทวดา วิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ไม่จริง โกหกกลางสภาหลายเรื่อง แต่เราก็อดทน
“ผมสงสัยว่าถ้ารัฐธรรมนูญปี 60 เป็นรัฐธรรมนูญระบอบประยุทธ์ แล้วฉบับที่แก้ไข เป็นรัฐรรมนูญระบอบอะไร เป็นระบอบปิยบุตรหรือไม่ ที่เสนอแก้ไขเป็นหลักการณ์และเหตุผลที่รุนแรง บ้านเมืองถึงได้ยุ่ง
ส.ว.ทุกคนไม่ขัดข้อง หากจะมีประชาชนเท่าไรก็ตามที่มีสิทธิ์ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือสมาชิกรัฐสภาประสงค์จะแก้ไข แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมาโดยสุจริต ต้องแก้ไขโดยไม่แอบแฝงประโยชน์ส่วนตน แก้เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ
“ผมว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มันเป็นเพียงกระบวนการ กลไก รูปแบบหนึ่งในทางการเมือง หากว่าร่างนี้ถูกเสนอโดยบุคคลซึ่งเป็นกลาง มีเจตนาดี มีความประสงค์ดี มีพี่น้องประชาชนไม่ต้องถึงแสนคน แค่ 5 หมื่นชื่อ เสนอร่างฯเข้ามาในสภา ผมว่าเราต้องพิจารณาด้วยความเคารพในเสียงของประชาชนเหล่านั้น แต่ร่างฉบับนี้เสนอมาโดย คุณพริษฐ์ คุณปิยบุตร แล้วยังมีกลุ่มไอลอร์” นายเสรีกล่าว
ทำให้นายประเสริฐพงษ์ สรนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วง ว่าผู้อภิปรายใช้คำว่า”มัน” ให้สมกับเป็น ส.ว.หน่อย ทำให้นายชวน วินิจฉัยให้อภิปรายหลีกเลี่ยง และอย่ากระแนะกระแหน
นายเสรี กล่าวต่อว่า สภาแห่งนี้มันตกต่ำก็เพราะคนคิดอย่างนี้ คิดได้แค่นี้ คิดแค่เพียงจะมาเบรกเพื่อให้พูดไม่ต่อเนื่อง ที่ตนเรียนว่าคนเสนอแก้รัฐธรรมนูญเป็นบุคคลที่มีส่วนได้เสียของสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น หากเสนอโดยสุจริต ไม่มีอะไรแอบแฝง เราพร้อมพิจารณา หากเสนอในรูปแบบที่เป็นอยู่นี้ ก็ต้องมองเป็นการเสนอเนื้อหาสาระที่กระทบกับองค์กรต่างๆ
แสดงให้เห็นว่าต้องการสร้างความขัดแย้ง ต้องการสร้างสถานการณ์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉนี้ เพราะจะมีผลในทางการเมืองมาก และได้ประโยชน์หลายอย่าง
ถ้าไม่รับอย่างน้อยที่สุดท่านก็กำลังมาสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองว่าเสนอแล้วสภาไม่รับ ประชาชนก็จะรู้สึกไม่ดีกับสภาแห่งนี้ ไม่ดีกับวุฒิสภาที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนได้เสียหวงอำนาจ นี่ท่านกำลังสร้างแพะรับบาป
“ถ้าเป็นนายก.นายข.เสนอร่าง ผมจะไม่คิดอะไรเลย แต่ท่านที่เสนอร่างนี้เคยเจ็บช้ำน้ำใจ ท่านเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรคเดิมของท่าน ตัดสิทธิ์ทางการเมือง แล้วยังมีกลุ่มลูกศิษย์ของท่านที่ท่านให้ความคิด ความเข้าใจในทางการเมืองที่ผิดๆ จนเขาต้องคดีความ
ท่านก็กำลังสร้างบรรยากาศ สร้างสถานการณ์เหล่านี้เพื่อด้อยค่า ลดความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญ และศาลต่างๆ ที่กำลังพิจารณาเรื่องพรรคหนึ่งกำลังจะถูกยุบ ท่านสร้างความขัดแย้ง”นายเสรีกล่าว
ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่าไม่อยู่ในประเด็น ใช้จิตนาการค่อนข้างไกล ซึ่งนายชวน วินิจฉัยว่าตนติดตามถูกถ้อยคำ ตอนอภิปรายก็มีการกล่าวหาองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญอย่างหนักกว่านี้ ก็ให้โอกาสชี้แจง
นายเสรีอภิปรายต่อ ว่ายืนยันว่ายังอยู่ในประเด็น เพราะ ร่างฯฉบับนี้ ไม่ได้มีเจตนาให้ผ่านสภาโดยแท้ แต่เป็นการต่อสู้ทางคดีเฮือกสุดท้ายก่อนจะถูกพิจารณาในกระบวนการต่อไป
ทุกคนเหล่านี้มีอำนาจในการพิจารณาว่าจะให้ร่างฯฉบับนี้ผ่านวาระ1 หรือไม่ แต่ท่านสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปะทะกัน เกิดความขัดแย้งกัน แล้วจะไม่ให้หมายความว่าต้องการให้ร่างนี้ตกได้อย่างไร และต่อไปเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในสภาอีก เพราะจะเป็นช่องทางให้เสนอเรื่องต่างๆในลักษณะเช่นนี้ เพื่อเข้ามาหาโอกาสพูดกระแทกแดกดันถึงนายกฯ รัฐบาล คสช.ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลยแต่เป็นกระบวนการคิดง่ายๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
ทำให้นายประเสริฐพงษ์ประท้วงอีกครั้งว่าเป็นการใส่ร้ายและอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้เสนอร่างฯ มากกว่า ซึ่งนายชวนวินิจฉัยว่า เปิดโอกาสให้อภิปรายเต็มที่ ยังอยู่ในประเด็น แต่อย่าออกนอกเรื่องหรือเอ่ยถึงองค์กรนอก
นายเสรี กล่าวว่า อะไรที่คิดไม่เหมือนท่านผิดหมด อะไรที่อยากได้ก็เสนอเข้ามา ใครไม่คิดตามท่านเป็นเรื่องเลวร้ายหมด เอาตัวบุคคลมาเล่นตลอด มีหลายคนกังวลว่าหากสภาไม่รับร่างจะเกิดความขัดแย้งนอกสภา ท่านรู้ได้อย่างไร หากไม่ไปปลุกปั่นยุยง สร้างสถานการณ์ ข้างนอกเขาก็ไม่ปั่นป่วน เด็กที่โดนคดีติดคุกเพราะเราขาดความรับผิดชอบ ตนว่าพวกเราใจดำไปหรือเปล่า ที่ให้เขาทำผิดกฎหมาย
ทำให้นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า นายเสรีอายุเยอะแล้ว ไม่ควรพูดถึงเด็ก จนนายออน กาจกระโทก ส.ว.ลุกขึ้นประท้วงนายรังสิมันต์ ว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องประท้วง
จากนั้นนายเสรี อภิปรายต่อว่า การพูดว่าอายุเยอะเหมือนดูถูก พูดแล้วฟังไม่ได้ แต่อายุเป็นเพียงตัวเลข โลงศพเขาไม่ได้ใส่คนแก่ แต่โลงศพเอาไว้ใส่คนตาย และคนตายบางทีอายุน้อยก็ตายได้
นายชวนจึงเบรกว่าขอให้กลับมาอยู่ในประเด็นอย่าพึ่งตาย แต่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประท้วงว่า ที่บอกว่าโลงศพเอาไว้ใส่คนตาย ผมว่าไม่เกี่ยเลย ผมขอแก้ว่าโลงศพเอาไว้ใส่คนปากอย่างท่าน ทำให้นายเสรี สวนขึ้นมา “พอดีคุณวิโรจน์ปากเหมือนผม”
ซึ่งนายชวนขอให้ถอนเพราะเป็นผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะกันแล้ว และให้นายเสรีอภิปรายในประเด็น และให้ถอนคำพูดเรื่องโลงศพ แต่ทั้งสองฝ่ายยังประทะคารมกัน ทำให้นายชวนกล่าวเตือนว่าบางทีวุฒิภาวะคนก็คุมยาก ถ้าเราเป็นคนมีวุฒิภาวะก็รู้ว่าอะไรเหมาะสม จากนั้นนายเสรีอภิปรายต่อจนจบ