แม่เสียใจ ลูกฆ่าผู้มีพระคุณ เกือบได้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจ แต่เปลี่ยนใจให้ยืมแทน หนี้แท้จริงถึง 9 แสน เคยเสนอขายบ้านให้หวังล้างหนี้ แต่ผู้ตายไม่ซื้อ

จากกรณี น.ส.รัฐคณิศร จารุภัทรกิตติโชติ อายุ 56 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เรติ กรุ๊ฟ ที่รับทำเกี่ยวกับโครงข่ายอินเตอร์เน็ต ถูกคนร้ายฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ภายในบ้านพัก พื้นที่หมู่ 6 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และคนร้ายยังได้ก่อเหตุทำร้าย นายรุจิภาส โชติธรรม อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนผู้ต้องสงสัยคาดว่าคือ นายชโนชัย (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของธุรกิจน้ำดื่ม ที่ผู้ตายเคยให้ความช่วยเหลือให้กู้เงินกว่า 7 แสนบาทไปลงทุน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 10 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับหนี้สินจาก นางรำเพย (ขอสงวนนามสกุล) แม่ของ นายชโนชัย ก็ได้รับการเปิดเผยว่า หนี้สินในเรื่องวงแชร์ของลูกชายที่ไปเล่นนั้น ลูกชายเป็นคนถูกเท้าโกงแชร์ไป ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และไม่ทราบว่า วงแชร์ดังกล่าวเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าทำให้ลูกชายเครียดมาก จนต้องมีการไปกู้ยืมหนี้สินนอกระบบอยู่หลายครั้งๆ 2-3 หมื่นบาท แต่ก็ปิดหนี้เหล่านั้นหมดแล้ว

จนกระทั่งมาได้รับความช่วยเหลือจาก น.ส.รัฐคณิศร ให้ยืมเงินมาทำธุรกิจโรงงานผลิตน้ำดื่ม โดนตอนแรกผู้ตายให้เงินมาหวังเป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจด้วย แต่เกิดเปลี่ยนใจให้ยืมแทน เป็นเงินรวมกันทั้งหมด 9 แสนบาท โดยเป็นหนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ส่วนบ้านหลังที่ลูกชายปลูกสร้าง ได้สร้างไว้นานแล้ว แต่เมื่อ 3 ปีก่อน ลูกชายเอาไปจำนองไว้กับธนาคารเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผ่อนลงมาเหลือ 9 แสนกว่าบาท ซึ่งที่ผ่านมา แม้จะรู้ว่าลูกชายมีปัญหาเรื่องเงิน แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะไปก่อเหตุโหดร้ายอะไรแบบนี้ จนกระทั่งมาทราบเรื่องว่าลูกชายไปฆ่า น.ส.รัฐคณิศร ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจสุดๆ ที่ไม่น่าเลือกทางออกแบบนี้ จึงอยากให้รีบกลับมามอบตัวชดใช้ความผิด

“ที่ผ่านมา ก็รู้เรื่องที่ลูกชายถูกผู้ตายทวงเงินอยู่บ้าง และก็รู้ว่าลูกชายเครียดมากจนถึงขั้นเสนอขายบ้านพร้อมที่ดินของตัวเองในราคา 3 ล้านกว่าบาท เพื่อหวังใช้หนี้ และใช้หนี้ธนาคาร ส่วนที่เหลือก็จะนำมาตั้งตัว แต่ปรากฏว่า ผู้ตายมีที่ดินเยอะแล้ว จึงปฏิเสธลูกชายไป จึงทำให้ลูกชายต้องประกาศขายบ้าน และต้องรอให้ขายให้ได้ก่อนจะมีเงินมาใช้หนี้ จึงอาจเป็นเหตุทำให้กดดันอย่างหนัก ส่วนหนี้สินอื่นๆ ของลูกชายตนไม่รู้ว่ามีไปยืมที่ไหนอีกหรือเปล่า เพราะเขาไม่เคยบอกอะไรมากนัก” นางรำเพย กล่าว