ช้างศึก ทีมชาติไทยเจอปัญหาทุกด้านก่อนลุ้นแชมป์ซูซูกิ คัพ 2020 โดย “เซอร์เด็จ”จเด็จ มีลาภ ผู้ช่วยโค้ชยอมรับได้ซ้อมร่วมกันเพียง 2 วันเท่านั้น
ช้างศึก ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ภายใต้การนำทัพของมาโน โพลกิง กุนซือใหญ่ชาวบราซิเลียน เตรียมลงสนามฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020) รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งนัดแรกจะพบกับทีมจากรอบคัดเลือก (บรูไน หรือ ติมอร์ เลสเต) วันที่ 5 ธ.ค.
ล่าสุด “เซอร์เด็จ”จเด็จ มีลาภ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่าสำหรับเดดไลน์ในการส่ง 30 คนสุดท้ายให้กับสิงคโปร์ เจ้าภาพจัดการแข่งขันคือภายในวันที่ 24 พ.ย. โดยทั้ง 30 คนนี้จะต้องเป็นนักเตะที่อยู่ใน 70 คนที่ไทยส่งรายชื่อไปก่อนหน้านี้แล้ว และหลังจากส่งชื่อ 30 คนสุดท้ายจะไม่สามารถเปลี่ยนชื่อผู้เล่นได้อีก
- เปิดโผ 25 แข้ง ชบาแก้ว ยู20 เก็บตัวฟิตซ้อม เตรียมลุยคัด เวิลด์คัพ
“สิ่งที่เรากังวลคือเดือนพ.ย. ฟุตบอลในประเทศโปรแกรมเตะค่อนข้างถี่มากทั้งฟุตบอลลีก และฟุตบอลถ้วย โดยนัดสุดท้ายของบอลลีกคือวันที่ 28 พ.ย. จากนั้นทั้ง 30 คนจะเข้าแคมป์ที่ประเทศไทย เราจะได้ซ้อมร่วมกันคือวันที่ 30 พ.ย.”
“จากนั้นวันที่ 1 ธ.ค. เราจะเดินทางเข้าสิงคโปร์ ซึ่งเป็นแผนของมาดามแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ) เมื่อเข้าสิงคโปร์นักเตะและทีมงานทุกคนต้องเข้าบับเบิล รวมถึงตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยห้ามออกนอกที่พักอย่างน้อยเป็นเวลา 2 วัน หรือจนกว่าผลการตรวจหาเชื้อจะออกมาเป็นลบ ดังนั้นเราจะได้ซ้อมร่วมกันอีกครั้งน่าจะวันที่ 3 หรือวันที่ 4 ธ.ค. และเข้าสู่โปรแกรมนัดแรกวันที่ 5 ธ.ค. นั่นหมายความว่าเราจะมีเวลาซ้อมร่วมกันเพียง 2 ครั้งเท่านั้น”
“เมื่อเวลาในซ้อมน้อยมากสิ่งที่เราทำได้คือการวางแท็กจากนอกสนามเป็นหลัก ดังนั้นนักเตะที่เราจะเลือกไปนั้นต้องเน้นไปเรื่องความเข้าใจกันเป็นลำดับแรกจึงจเป็นต้องใช้นักเตะที่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน เพื่อใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหาให้น้อยที่สุด”
“โชคดีของทีมชาติไทยอย่างหนึ่งคือเกมแรกเราเจอทีมที่ไม่หนักมากนัก น่าจะผ่านเกมแรกไปได้ จากนั้นเราจึงจะมีเวลาซ้อมร่วมกันก่อนจะเล่นนัดที่สอง (พบเมียนมา วันที่ 11 ธ.ค.) ซึ่งต้องบอกว่าตอนนี้ความพร้อมของเรามีน้อยมากเมื่อเทียบกับทีมอื่น เรียกได้ว่าเราแทบจะเอาแต่ชื่อชั้นเก่าๆ ไปแข่งในครั้งนี้เท่านั้น”