หลังจากที่วานนี้ (1 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์
นายกรัฐมนตรีพบปะผู้นำประเทศต่าง ๆ เช่น เยอรมนี แคนาดา อิสราเอล คูเวต เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย อินเดีย อย่างเป็นกันเอง ระหว่างรอพิธีเปิดการประชุม COP 26 โดยพูดคุยในประเด็นที่สนใจร่วมกัน รวมถึงการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปกในปี 2565 ด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำ ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลก เพื่ออนาคตของลูกหลาน
ในปี 2019 ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 17% หลังตั้งเป้าลดให้ได้อย่างน้อย 7% ภายในปี 2020 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 2 เท่า หลังให้สัตยาบันเป็นภาคีของความตกลงปารีส เมื่อปี 2015
ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2065
“เราทุกคนไม่มี “แผนสอง” ในเรื่องการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี “โลกที่สอง” ซึ่งเป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว” จึงขอให้ทุกประเทศร่วมกันดูแลรักษาโลกของเรา