นักศึกษาสาวเปิดแชท “พนักงานดึงหู” ส่งข้อความขอโทษ เผยถ้าสำนึกผิด ก็ไม่ติดใจเอาความ เพราะเชื่อว่าคงได้รับบทเรียนแล้ว
จากประเด็น นักศึกษาสาว อัดคลิปเดือด เข้าไปสัมภาษณ์งานที่ร้านไวน์แห่งหนึ่ง แต่โดนพนักงานในร้านกระชากแมสก์ ดึงหู จนเป็นกลายเป็นกระแสโซเชียล และในเวลาต่อมา บริษัท ไวน์คอนเน็คชั่น โดยนางพรทิพา ธนาคม ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล ออกเอกสารชี้แจงกรณีดังกล่าว เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นที่ ร้าน Wine Connection ปัจจุบันพนักงานผู้ก่อเหตุได้พ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว
- ดราม่าสนั่น นศ.สาวไปสัมภาษณ์งาน ถูกพนักงานร้านไวน์กระชากแมสก์-ดึงหู
- เปิดใจ นศ.สาวเล่านาทีถูกพนักงานร้านไวน์กระชากแมสก์-ดึงหู ทั้งที่ตั้งใจไปหาค่าเทอม
ขณะที่ น.ส.ภาวินี นักศึกษาสาวเจ้าของเรื่อง เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับการขอตรวจสอบภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดในร้าน เพื่อยืนยันว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ และไม่ได้เริ่มก่อน
ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ (3 เม.ย.64) น.ส.ภาวินี ระบุว่าคู่กรณีได้ส่งข้อความมาขอโทษแล้ว พร้อมกันนี้ยังชี้แจงทุกข้อสงสัย ไม่ว่าจะเรื่องคดีความ การใช้เสียงดังในคลิป รวมทั้งการนำหลานไปในวันสมัครงานด้วย
“เรื่องที่จะขอชี้แจงในวันนี้นะคะ ทุกคนคงทราบดีว่าสองสามวันมานี้มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นกับตัวหนู ซึ่งมีหลายคนมากที่ได้เข้าใจและอยู่ข้างๆ หนู ซึ่งหนูขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากๆ และหนูก็ขอยืนยันว่าสิ่งที่หนูพูดไปในไลฟ์สดนั้น หนูไม่ได้แต่งเรื่องหรืออะไรทั้งสิ้น
เรื่องที่หนูอยากจะพูดนะคะ 1) เรื่องคดีความ เนื่องจากตอนนี้หนูยังเอาผิดอะไรทางนั้นไม่ได้นะคะ เพราะทางกฎหมายแล้วยังไม่ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย เท่าที่ตำรวจได้พูดมานะคะ
ตอนแรกก็ว่าจะรอเอาคลิปมาดู ไปๆ มาๆ อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเอาคลิปมาให้หนูได้ เนื่องจากทางร้านไม่ได้เสียบปลั๊ก เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 หรือร้านปิดตัวไปนานนี่แหละหนูจำได้ไม่หมดเลยขอไม่พูดส่วนนี้นะคะ
สรุปก็คือไม่มีหลักฐานเอาผิด แต่ถ้าหนูติดใจเอาความทางตำรวจก็จะดำเนินการให้ในส่วนนี้
2) เรื่องการพูดเร็วในไลฟ์สด ทำให้ใครหลายๆ คนตำหนิหนูมา หนูน้อมรับนะคะ และหนูจะนำไปแก้ไขปรับปรุงตัวเอง หนูดูไลฟ์เองก็ยังคิดว่าทำไมพูดเร็วขนาดนี้ แต่ตอนนั้นหนูตื่นเต้นมากด้วยค่ะ หนูไม่เคยมีไมค์มาจ่อหน้าแบบนี้มาก่อน แล้วหนูก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดแบบไหน พิธีการยังไง อารมณ์หนูก็เหมือนเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังค่ะ ส่วนนี้น้อมรับคำติชมที่พูดจาไม่ดี
แต่หนูอยากให้ทุกคนที่คอมเมนต์แรงๆ ย้ำคิดสักนิดว่าสิ่งที่พิมพ์มานั้นมันแรงไปรึเปล่า ส่วนตัวหนูหนูโอเคนะคะ แต่พ่อแม่ครอบครัวหนูเค้าต้องมาเจอแบบนี้มาเห็นคนที่ด่าลูกตัวเอง เค้าก็เครียดแทนหนู หนูอยากให้พี่ๆ ช่วยหยุดใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และตำหนิติเตียนหนูด้วยคำแนะนำดีๆ ให้หนูพัฒนาด้านการพูดการวางตัวจะดีกว่า
3) เรื่องพี่คนในคลิป ตอนนี้พี่เค้าติดต่อหนูมาแล้วนะคะ เมื่อวันพุธที่ เวลา 16.57 น. และหนูขอโทษจริงๆ ที่เพิ่งจะตอบไปเมื่อวานเนื่องจากคนแชทมาหาหนูเยอะมาก ทำให้ไม่เห็นแชทพี่เค้า
สำหรับหนูแล้วถ้าเค้าเค้าสำนึกผิดจริงๆ หนูก็ไม่อยากติดใจเอาความอะไร เพราะสิ่งที่พี่เค้าเจอมันก็คงหนักพอสมควรแล้ว และหนูหวังว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมันจะเป็นบทเรียนที่มีค่าของหนูและพี่เค้าในการทำงานและการใช้ชีวิตต่อไป
และหนูหวังว่าการตัดสินใจของหนูในเรื่องนี้ ไม่ว่าหนูจะยอมความหรือจะสู้คดี อยากให้พี่ๆ และคนรอบข้างของหนูเคราพในการตัดสินใจของหนูนะคะ ขอบคุณค่ะ
และในส่วนของเรื่องหลานมีหลายคนบอกว่าไปสมัครงานเอาหลานไปทำไม คือหนูคิดว่าไปสัมภาษณ์เสร็จจะไปกินบิงซูกันต่อ และหลานหนูก็นั่งรออยู่ตรงโซนที่นั่งที่ทางห้างเตรียมไว้ ไม่ได้ไปนั่งในส่วนร้านนะคะ หนูอยากให้ทราบในจุดนี้ด้วย
ที่สำคัญหนูอยากให้ทุกคนเข้ามาสอบถามและดูที่เฟซบุ๊กหนูจะดีกว่า อย่างน้อยฟังจากเจ้าตัวคงดีที่สุดแล้ว แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณสื่อที่ช่วยกระจายข่าวของหนู และที่สำคัญกำลังใจจากพี่ๆ ทุกคนที่มีให้หนูแม้ว่าจะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ยังปกป้องหนู
หนูเห็นทุกคอมเมนต์ที่ออกตัวแทนหนู และอธิบายเรื่องราวให้บางคนที่ยังไม่ได้ติดตามข่าวนี้ได้รับทราบถึงเรื่องราว หนูไม่รู้จะขอบคุณพวกพี่ๆ และน้องๆ ยังไงแต่ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
ปล.ตอนแรกหนูจะอัดวิดีโอ แต่เสียงที่บ้านดังมาก ทั้งแมวร้อง ทั้งพ่อเรียกกินข้าวทุก 5 นาที เลยพักอัดคลิปมาพิมพ์แทนดีกว่า ขอบคุณที่ติดตามข่าวสารนะคะ ต่อจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของทางตำรวจต่อไป ถ้าเรื่องจะเงียบ หรือพี่คู่กรณีไม่อยากมาขอโทษ หรือเปิดใจคุยกันซึ่งๆ หน้า อันนี้หนูคิดว่าคงเป็นสิทธิของเค้า แต่ในส่วนสิทธิของหนู หนูคิดว่าหนูปกป้องตัวเองและทำเต็มที่แล้ว ขอบคุณค่ะ”