เป็นการยากสำหรับแฟนบอล พรีเมียร์ลีก ที่จะนึกถึงการแข่งขันของอริคู่ใดในลีกสูงสุดที่จะมีดีกรีความดุเดือดไปกว่าการแข่งขันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล
หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามทำให้แมตช์การแข่งขันมีความเร้าใจตลอดทั้งเกม โดยท้ายที่สุดผลการแข่งขันจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครคือราชาผู้ชนะอย่างแท้จริง
เวลานี้สตาร์บิ๊กเนมที่สุดของทั้ง 2 ทีมคือ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย แต่คำถามคือใครมีฝีเท้ายอดเยี่ยมกว่ากันแน่
90min เลือกมาตรวัด 4 ด้านดังนี้เพื่อเฟ้นหาแข้งที่ยอดเยี่ยมกว่าอีกรายดังนี้
– ถ้วยรางวัลแน่นอนว่าการคว้าโทรฟีแชมป์มาครองได้นั้นไม่ใช่ทุกอย่างในโลกของฟุตบอล แต่มีนักเตะเพียงไม่กี่รายที่สามารถทำได้อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้
ในหัวข้อนี้หมดสิทธิ์ที่ ซาลาห์ จะเทียบชั้นจากตู้วางถ้วยของ โรนัลโด้ ที่เต็มไปด้วยโทรฟีแชมป์นับไม่ถ้วนที่เจ้าตัวคว้ามาได้ตลอดเส้นทางการค้าแข้งใน อังกฤษ สเปน และ อิตาลี
นอกจากนั้นยังมีถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 5 สมัย ลากยาวถึงแชมป์ ยูโร 2016 ในเกมระดับนานาชาติ และรางวัลเกียรติยศส่วนตัวอีกมากมาย
– การเลี้ยงบอลภาพจำลีลาการเลี้ยงบอลของ โรนัลโด้ เมื่อวัยกระเตาะยังคงติดตาเราราวกับความเพลิดเพลินการเฝ้ามองเจ้าหนูผมฝอยชาว โปรตุเกส เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเช่นเดียวกับความหงุดหงิดจากการตะบี้ตะบันพาบอลไปด้วยตนเองอย่างดื้อดึง ไฮไลท์อย่างการสับขาหลอกจนคู่ต่อสู้หัวหมุนเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนสำหรับตัวแทนจากค่าย แมนฯ ยูไนเต็ด
แต่เมื่อเขาเติบโตขึ้น โรนัลโด้ พัฒนาการใช้ทักษะของเขาให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดตามเวลาที่ผ่านไป
ในขณะที่ ซาลาห์ ยังคงมาตรฐานการลากตะลุยฝ่าคู่แข่งจากการใช้ความเร็วและสปีดต้นที่เหนือชั้น การซัลโวประตู 9 เกมติดต่อกันเป็นหนึ่งในข้อพิสูจน์ถึงความยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องของเจ้าตัวเมื่อหลายลูกในนั้นเกิดขึ้นจากการเลี้ยงฝ่าคู่ต่อสู้ด้วยตนเอง
การใช้ทักษะเลี้ยงบอลเป็นมาตรวัดนั้นนับว่าใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่งสำหรับ โรนัลโด้ และ ซาลาห์ โดยเราเชื่อว่าแข้งจาก ลิเวอร์พูล โดดเด่นยิ่งกว่า
– การจบสกอร์โรนัลโด้ และ ซาลาห์ จบสกอร์ได้ฉมังตั้งแต่ช่วงพีคสุดของอาชีพค้าแข้งจนถึงเวลานี้ ทั้งคู่ยังคงเป็นแคนดิเดทลำดับต้นๆ ขับเคี่ยวในตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้
แต่คำถามก็คือใครจบสกอร์ได้เด็ดขาดกว่ากัน
ซาลาห์ ร้อนแรงชนิดปรอทแตกกับ ลิเวอร์พูล ในซีซันเดบิวต์กับสถิติ 32 ประตูจากการลงสนามในลีก 36 นัดแต่ตัวเลขของ โรนัลโด้ ต้องเรียกว่าเกินระดับมนุษย์คนหนึ่งจะทำได้โดยหากนับตั้งแต่ฤดูกาล 2007/08 เป็นต้นมามีเพียงซีซันเดียวเท่านั้นที่เขายิงในลีกได้น้อยกว่า 20 ประตู
– การเคลื่อนที่ยามไม่มีบอลกองหน้าที่ดีในยุคโมเดิร์นฟุตบอลไม่ได้มีหน้าที่เพียงจบสกอร์กับแอสซิสต์เท่านั้น พวกเขายังรับผิดชอบในการตั้งต้นจังหวะการบีบพื้นที่คู่ต่อสู้ในแดนหน้าอีกด้วย
กับการที่ ซาลาห์ เล่นภายใต้การกุมบังเหียนของ เยอ์เก้น คล็อปป์ ทำให้เขากินขาดในมาตรวัดนี้ของเรา
CR7 ไม่เคยโดดเด่นในด้านการช่วยเกมรับ เขามักจะเซฟพลังงานไว้ใช้กับโอกาสที่แดนหน้าเพื่อตัดสินเกม โดยสถิติดังกล่าวชี้ชัดในฤดูกาล 2020/21 เมื่อตัวเลขการไล่กดดันคู่แข่งของเขาที่ 7.23 ครั้งต่อเกมทำให้เจ้าตัวรั้งกลุ่มท้ายๆ ของนักเตะในตำแหน่งกองหน้าเมื่อนับรวมจากทั้ง 5 ลีกใหญ่ของยุโรป