Daily Mail สำนักข่าวของประเทศอังกฤษ ได้รายงานว่ารัฐบาลของพวกเขา กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาและปรับปรุงกฎหมายการพนัน ฉบับปี 2005 ให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับยุคสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการห้ามบริษัทรับพนันลงพื้นที่โฆษณาบนหน้าอกเสื้อของทีมฟุตบอลต่างๆ
แม้ร่างกฎหมายฉบับเต็มจะมีกำหนดเผยแพร่ออกมาในปี 2022 แต่แหล่งข่าวจาก Daily Mail ที่อ้างว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการพิจารณากฎหมายตัวนี้เปิดเผยว่า “เราค่อนข้างมั่นใจว่านี่คือจุดจบของการโฆษณา (การพนัน) บนหน้าอกเสื้อ ทุกคนคาดหวังเช่นนั้น อันที่จริงเขาต้องการมากกว่านี้ แต่เหล่านักการเมืองยังกังวลกับทีมในลีกเล็ก ๆ”
“รัฐบาลคิดว่าการโฆษณาบนหน้าอกเสื้อนั้นเป็นสิ่งที่เตะตาคน และเปรียบเสมือนว่ามันได้ป่าวประกาศอะไรบางอย่างออกสู่สาธารณะ”
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีมากถึง 9 สโมสรในพรีเมียร์ลีก ที่มีบริษัทรับพนันเป็นผู้สนับสนุนอยู่บนหน้าอกเสื้อของตน และมีบริษัทรับพนันเป็นสปอนเซอร์แขนเสื้อกับชุดฝึกซ้อมอีกอย่างละทีม รวมยอดแล้วเป็น 11 สโมสร ที่มีการพนันปรากฏอยู่บนชุดของทีมอย่างน้อย 1 จุด
แต่เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว ทุกทีมในพรีเมียร์ลีกต่างมีผู้สนับสนุนหรือพาร์ตเนอร์จากบริษัทรับพนัน รวมถึงบรรดาเหล่าสโมสรยอดนิยมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี HTH เป็นพาร์ตเนอร์การพนันของตน ลิเวอร์พูล มี 1XBet เป็นพาร์ตเนอร์สโมสร และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมี Marathon Bet เป็นผู้สนับสนุนอยู่ข้างสนามและเป็นพาร์ตเนอร์ระดับโลกของทีม ยกเว้นอยู่เพียงแค่สโมสรเดียวเท่านั้นคือ นอริช ซิตี้
แม้การแบนครั้งนี้ อาจยากที่จะมีผลกระทบต่อเหล่าพาร์ตเนอร์ของสโมสรต่าง ๆ แต่ก็ทำให้หลายฝ่ายแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน ทั้งผลกระทบด้านการเงินที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับสโมสรที่มีผู้สนับสนุนหน้าอกเสื้อเป็นบริษัทรับพนันเหล่านี้ ระหว่างช่วงที่ COVID-19 ยังแพร่ระบาดอยู่ โดยยังไม่รู้ถึงอนาคตว่าสปอนเซอร์ที่จะเข้ามาแทนที่นั้นคืออะไรกันแน่
อย่างไรก็ตาม หากกฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้จริงในอนาคตข้างหน้า นอกจาก 9 สโมสรในพรีเมียร์ลีกที่ได้รับผลกระทบแน่ ๆ แล้ว ก็ยังมีอีก 6 ทีมในลีก “Sky Bet” แชมป์เปี้ยนชิพ ฟุตบอลลีกระดับที่สองของประเทศ ที่แม้แต่ตัวลีกเองก็ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทรับพนันเหมือนกัน
นับตั้งแต่การผ่านกฎหมายการพนันในปี 1960 ก็ได้มีบริษัทรับพนันถูกกฎหมายเปิดขึ้นมาอย่างมากมาย โดยรายได้จากการพนันได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มากถึง 7,700 ล้านปอนด์ หรือราว 350,000 ล้านบาท พร้อมกับมีส่วนช่วยในการสร้างอาชีพทั้งโดยตรงและทางอ้อมได้มากกว่า 100,000 คน จากข้อมูลที่ถูกเปิดเผยมาในปี 2019