กระทรวงสาธารณสุขเร่งควบคุมโรคโควิด 19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ตั้งเป้าฉีดวัคซีนครอบคลุมร้อยละ 70 ในเดือนตุลาคมนี้ เผยนักเรียนฉีดวัคซีนแล้วเกือบ 5 แสนโดส ยังไม่มีรายงานอาการรุนแรง เตรียมพิจารณาการฉีดเข็ม 2 ในเด็กผู้ชายวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ส่วนวัคซีนสูตรไขว้แอสตร้าเซนเนก้า-ไฟเซอร์ ศบค.จะพิจารณาวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ยืนยันการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมีมาตรการรองรับเพื่อความปลอดภัย
วันนี้ (12 ตุลาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 และการฉีดวัคซีนโควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้หายป่วย 11,452 ราย สูงกว่าการติดเชื้อใหม่ที่พบ 9,445 ราย ผู้เสียชีวิต 84 ราย แนวโน้มการติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง ยกเว้นพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนใต้ที่ยังเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้มาตรการต่างๆ ลงไปควบคุมโรค โดยเฉพาะการฉีดวัคซีน ซึ่งขณะนี้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ได้ประมาณ 1.5 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 42.4 จากประชากรเป้าหมาย 3.5 ล้านกว่าคน ตั้งเป้าหมายฉีดให้ได้ร้อยละ 70 ภายในเดือนตุลาคมนี้ โดยจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ลงไปให้เนื่องจากมีการระบาดของ 3 สายพันธุ์ คือ อัลฟา เบตา และเดลตา
สำหรับภาพรวมทั่วประเทศฉีดวัคซีนแล้ว 61,033,251 โดส เป็นเข็มแรก 35.4 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 49.2 คาดว่าจะถึงร้อยละ 50 ก่อนกำหนดสิ้นเดือนตุลาคมนี้
สำหรับนักเรียน มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แล้ว 499,046 โดส ยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง คณะอนุกรรมการวิชาการจะประชุมหาข้อสรุปเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเด็กผู้ชายวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ก่อนที่จะเริ่มมีการฉีดเข็ม 2 ตามกำหนดในวันที่ 25 ตุลาคม ทั้งนี้ ขอให้นักเรียนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมในโซเชียลมีเดียที่สร้างความวิตกกังวล ให้ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานทางการหรือมีนักวิชาการตรวจสอบยืนยัน
“วัคซีนในปี 2564 หากรวมวัคซีนทางเลือกจะมี 179.1 ล้านโดส ยืนยันว่าเพียงพอแน่นอน สูตรการฉีดวัคซีนโควิดรูปแบบใหม่ขณะนี้ในทางวิชาการมีความมั่นใจแล้ว แต่ที่ยังคงสูตรการฉีดวัคซีนแบบเดิม เนื่องจากรอ ศบค. พิจารณาในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ และเมื่อมีการประกาศสูตรการฉีดวัคซีนที่มีหลากหลายสูตร ประเทศที่มีการบริหารจัดการวัคซีนในทางสาธารณสุข ทางการจะเป็นฝ่ายกำหนดสูตรวัคซีน โดยประชาชนไม่สามารถเลือกสูตรไขว้ด้วยตนเองได้ หากอนุกรรมการฯ เห็นว่ามีประโยชน์ ก็ขอให้ประชาชนมั่นใจในวัคซีนทุกสูตรว่าปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ” นพ.เฉวตสรร กล่าว
สำหรับสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เป็นสูตรหลัก ยังเป็นสูตรไขว้วัคซีนซิโนแวคเข็มแรก และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 เนื่องจากกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงและรวดเร็ว รวมถึงขณะนี้ประเทศไทยยังมีวัคซีนซิโนแวคอยู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป 3-6 เดือน ภูมิคุ้มกันของวัคซีนทุกชนิดอาจจะลดลง ซึ่งขณะนี้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มเมื่อต้นปี ทยอยได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว ส่วนประชาชนที่ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ยังคงมีภูมิคุ้มกันสูงอยู่ เนื่องจากระยะเวลายังไม่ถึง 3 เดือน ดังนั้นจะมีการพิจารณาการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในภายหลัง
สำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีตามประกาศของนายกรัฐมนตรี จะมีมาตรการต่างๆ รองรับ ทั้งการกำหนดประเทศที่เดินทางเข้ามาต้องอยู่ในกลุ่มประเทศความเสี่ยงต่ำ มีหลักฐานการฉีดวัคซีน และพื้นที่ท่องเที่ยวมีความครอบคลุมวัคซีนสูง ซึ่งพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัดมีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 ร้อยละ 70 เฉพาะพื้นที่ กทม. ฉีดได้ร้อยละ 102.8 ภูเก็ต ร้อยละ 80 แต่ยังมีหลายพื้นที่ท่องเที่ยวที่ยังได้รับวัคซีนต่ำกว่า 50% จึงจะมีการจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมในพื้นที่ดังกล่าว เช่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ตราด เลย เชียงใหม่ เป็นต้น