กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกถกเถียงกันในโลกออนไลน์ สำหรับแฮชแท็ก #ไฟเซอร์นักเรียน ภายหลังกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดฉีดไฟเซอร์ ให้กับนักเรียนทั่วประเทศ ที่มีอายุ 12-18 ปี เพื่อรองรับการเปิดเทอม โดยเริ่มฉีดวันแรกเมื่อ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้เป็นความสมัครใจของผู้ปกครอง ว่าจะอนุญาตให้บุตรหลานฉีดวัคซีนหรือไม่
- อนุทิน เผยวันนี้วัคซีนไฟเซอร์เข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส คาดใน 2 วีคฉีดนักเรียนครบ 3.8 ล้านคน
ซึ่งในโลกออนไลน์ก็ได้มีกระแสว่า เด็กนักเรียนบางคนไม่ขอฉีดวัคซีนไฟเซอร์ หรือบางรายผู้ปกครองไม่ยินยอมให้ฉีด เนื่องจากกลัวผลข้างเคียงทีจะเกิดขึ้น หลังการเผยแพร่เฟกนิวส์โดยเฉพาะเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ แม้วัคซีนไฟเซอร์นั้นจะเป็นวัคซีนที่องค์การอนามัยโลกรองรับ ว่ามีประสิทธิภาพและสามารถฉีดให้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ก็ตาม
ประเด็นดังกล่าว ทำให้ชาวโซเชียลออกมาถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยระบุว่า อยากให้เด็กนักเรียนใช้สิทธิ์ที่มี เพราะยังมีคนอีกจำนวนมากที่อยากฉีดแต่ไม่มีสิทธิ์ และหลายคนยินดีที่จะให้เด็กฉีดไฟเซอร์ก่อน เพราะอยากให้ได้กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนได้อีกครั้ง
ทางด้าน ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ให้คำแนะนำในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับเด็กและวัยรุ่นอายุ 12 ปีขึ้นไป ฉบับที่ 3 เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า เด็กและวัยรุ่นอายุ 16-18 ปี ขึ้นไป ทุกรายไม่มีข้อห้ามในการฉีดวัคซีน สำหรับเด็กและวัยรุ่นชายที่แข็งแรงดี ให้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และชะลอการให้เข็มที่ 2 ไปก่อน จนกว่าจะมีข้อมูลความปลอดภัยเพิ่มเติม เนื่องจากการฉีดเข็ม 2 ในเด็กกลุ่มนี้ มีความเสี่ยงสูงกว่าเข็มแรกจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ “ซึ่งพบน้อยมาก”
ขณะที่ ดร.สุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการกลุ่มโรงพยาบาลธนบุรี และ รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย ได้ทวีตถึงประเด็นนี้ด้วยว่า
“ฉีดหรือไม่ฉีดวัคซีนเป็นสิทธิส่วนบุคคล วัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO ให้ฉีดได้ในกลุ่มเด็ก เป็นข้อมูลที่ช่วยยืนยันว่า มีข้อดีมากกว่าข้อเสียในระดับที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ คนต้องเลือกวัคซีน ไม่ใช่วัคซีนเลือกคน เอามาให้หลากหลายมากพอเถอะค่ะรัฐบาล #ไฟเซอร์นักเรียน”
- พรุ่งนี้วันแรก! ฉีด “ไฟเซอร์” ให้นักเรียน 12-18 ปี ด.ช.เข็มเดียวก่อน ส่วน ด.ญ. 2 เข็มได้เลย
ขณะเดียวกัน ก็มีประเด็นเรื่องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กนักเรียนชั้น ม.6 เนื่องจากวัคซีนที่ได้รับจัดสรรมาไม่เพียงพอ บางโรงเรียนได้ตัดโควตาให้ ม.6 ฉีดในรอบต่อไป แต่เด็กกลุ่มนี้จำเป็นต้องเดินทางไปสอบในสนามสอบต่างๆ ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้เป็นอีกกลุ่มที่เสี่ยงต่อการรับเชื้อและแพร่เชื้อ ซึ่งในโลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่เอกสารจากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ที่มีโควตาฉีดไฟเซอร์เฉพาะนักเรียนชั้น ม.1-ม.5 เท่านั้น ซึ่งในตอนนี้แฮชแท็ก #สกลนครไม่เห็นหัวเด็กม6 ก็กำลังเป็นที่ถกเถียงเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน เด็กนักเรียน ม.6 บางรายที่อายุเกิน 18 ปีบริบูรณ์ ก็ถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้ฉีดแม้จะยังศึกษาอยู่ ทั้งที่อายุมากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกันไม่กี่เดือนก็ตาม ชาวโซเชียลจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเล็งเห็นถึงปัญหานี้ และมีการอนุโลมให้เด็กๆ ได้ฉีดด้วย