Scoop : ราชสีห์แห่งโลกฟุตบอล “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช”

Home » Scoop : ราชสีห์แห่งโลกฟุตบอล “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช”
Scoop : ราชสีห์แห่งโลกฟุตบอล “ซลาตัน อิบราฮิโมวิช”

“นายเชื่อในพระเจ้าไหม” ซลาตัน อิบราฮิโมวิช เอ่ยปากถามเพื่อนร่วมทีมแอลเอ กาแล็กซี ในวันแรกที่เจอกัน นักฟุตบอลบางคนตอบกลับว่า “เชื่อ” ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังเจ้าของความสูง 6 ฟุต 5 นิ้ว และการันตีด้วยเทควันโดสายดำ พูดต่อว่า “โอเค งั้นนายก็เชื่อในตัวฉัน”

ด้วยวัย 39 ปี ซลาตันโลดแล่นบนสังเวียนลูกหนังมาแล้วกว่า 22 ปี เริ่มต้นในปี 1999 กับมัลโม สโมสรฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสวีเดน ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมส์, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลนา, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แอลเอ กาแล็กซี และตอนนี้กลับมาร่วมทีมปีศาจแดงดำอีกครั้ง 

 การที่เราจะทำความเข้าใจว่าอะไรเป็นแรงขับเคลื่อนให้ซลาตันในวัยใกล้เลข 4 ยังคงค้าแข้งกับหนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปได้ เราต้องย้อนกลับไปดูชีวิตวัยเด็กของเขา จากเด็กชายตัวเล็กๆ ท่าทางเคอะๆ เขินๆ กลับโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในยุคของเรา

 ซลาตันเติบโตขึ้นมาในบ้านที่มีฐานะเข้าขั้นยากจน เขาเป็นหนึ่งในลูกห้าคนของครอบครัว อาศัยอยู่ในย่านที่อันตรายของมัลโม เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของสวีเดน คุณพ่อและคุณแม่เป็นผู้อพยพมาจากยูโกสลาเวีย คุณแม่เป็นคนทำความสะอาด ส่วนคุณพ่อเป็นคนดูแลอสังหาริมทรัพย์ ทั้งสองหย่าขาดกันก่อนที่ซลาตันจะอายุครบ 2 ขวบ นั่นทำให้ซลาตันและพี่น้องต้องย้ายบ้านไปมาบ่อยมากๆ ระหว่างอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ของพ่อกับแม่ เรียกว่าแทบไม่เคยอยู่ที่ไหนเกิน 1 ปีเลย

เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองที่ยูโกสลาเวีย คุณพ่อของสลาตันกลายเป็นคนที่ดื่มสุราหนักแทบทุกคืน และนั่งฟังเพลงจากบ้านเกิดที่กำลังล่มสลาย ตู้เย็นไม่มีอะไรนอกจากเบียร์ ปล่อยให้เด็กๆ ใช้ชีวิตไปตามยถากรรม จนนักสังคมสงเคราะห์ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยหลายครั้ง “คุณพ่อของผมไม่เคยอยู่ตรงนั้น ผมดูแลตัวเอง บางทีมันอาจจะเจ็บปวดนะ ผมบอกไม่ได้หรอก” 

ถ้าไม่ได้ตกหลุมรักฟุตบอล ซลาตันบอกว่าเขาอาจจะลงเอยด้วยการติดคุก ในวัยเด็กเขามีพรสวรรค์ในการขโมย เรียนรู้ที่จะสะเดาะกุญแจและขโมยรถจักรยาน ครั้งหนึ่งเขาเคยขโมยรถจักรยานของบุรุษไปรษณีย์ รวมทั้งรถจักรยานของโค้ชทีมฟุตบอล 

ตอนเด็กๆ ซลาตันมีความบกพร่องในเรื่องการออกเสียง ไม่ชอบใจจมูกที่ใหญ่โตของตัวเอง และยอมรับว่าที่ต้องไปโรงเรียนก็เพื่อทานอาหารกลางวันฟรี เมื่อโรงเรียนจ้างครูพิเศษเพื่อมาสอนเขาโดยเฉพาะ นั่นยิ่งสร้างความอับอายให้เด็กชายซลาตันจนเขาทนไม่ไหว ความอับอายที่ถูกตอกย้ำว่ามีความบกพร่อง วันหนึ่งครูพิเศษคนนั้นมาดูซลาตันลงเล่นฟุตบอล เจ้าตัวตัดสินใจยิงบอลระยะไกลไปที่ศีรษะของครูคนนั้น ไม่กี่วันต่อมาคุณครูลาออก และซลาตันรู้ว่าโลกอาจจะโหดร้าย แต่ถ้ามีฟุตบอลอยู่ที่เท้า เขาสามารถทำอะไรก็ได้

สิ่งที่ซลาตันแสวงหามาตลอด คือ การได้รับการยอมรับและความเคารพ เขาได้รับมันจากสนามฟุตบอลใกล้บ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่น ที่นี่คลาคล่ำไปด้วยผู้อพยพจากบอสเนีย, เซอร์เบียร์, โซมาเลีย, ตุรกี และโปแลนด์ คนชายขอบเหมือนซลาตันที่ไม่เคยรู้สึกว่าเข้ากันได้กับสังคม ชัยชนะในสนามฟุตบอลนั้นไม่พอ แต่ต้องชนะแบบมีสไตล์ และได้แสดงทักษะหรือทริคต่างๆ ซึ่งบางครั้งสำคัญกว่าประตูที่ยิงได้ เพราะนั่นทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่น จากจุดเริ่มต้นตรงนั้นเอง เราจึงได้เห็นประตูสวยๆ จากซลาตันมากมายตลอดอาชีพของเขา 

ไม่ช้าไม่นานชื่อของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ก็เริ่มไต่เต้าขึ้นมาในระดับเยาวชนของสวีเดน เริ่มต้นทีมเยาวชนกับมัลโม บีไอ แต่ด้วยบุคลิกที่ไม่ยอมใคร เขาถูกโค้ชส่งตัวกลับบ้านบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งพ่อแม่ของเพื่อนร่วมทีมถึงขนาดยื่นหนังสือให้สโมสรไล่ซลาตันออกจากทีม แต่เพราะความสามารถที่มี ซลาตันมีดีเกินไปที่สโมสรจะปฏิเสธเขา “ผมทำตัวอวดดีเสมอ มันเป็นสิ่งที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เด็กๆ คุณไม่สามารถแสดงจุดอ่อนของตัวเองได้หรอก” จึงไม่น่าแปลกใจที่นอกจากจะมี โรมาริโอ และ โรนัลโด R9 เป็นไอดอลในสนามฟุตบอลแล้ว ซลาตันยังมี มูฮัมหมัด อาลี เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิตแบบไม่ยอมใครอีกด้วย

ชีวิตยากลำบากในวัยเด็ก ความต้องการพิสูจน์ตัวเองว่ามีดีพอ และความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนชายขอบ เป็นคนนอกที่เข้ากับใครไม่ได้ ทำให้ซลาตันผลักดันตัวเองจนมาถึงจุดนี้ แต่ภายใต้ความแข็งแกร่ง ท่าทีจองหอง และบุคลิกที่ยิ่งยโส ซลาตันคนนี้แหละที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวม

ชายที่บอกว่าฟุตบอลโลกไม่น่าดูเพราะเขาไม่ได้ลงสนาม มีรอยสักเป็นชื่อคน 50 ชื่อบนร่างกายของตนเอง เพื่อเป็นตัวแทนของผู้คนที่ต้องต่อสู้กับความอดยากทั่วโลก “มีคนกว่า 805 ล้านคนที่ต้องต่อสู้กับความอดอยากทั่วโลก ผมต้องการให้คุณเห็นพวกเขาผ่านตัวผม ถ้าพวกเราสามารถเข้าถึงผู้นำของโลก ผมแน่ใจว่า ถ้าร่วมมือกัน พวกเราสามารถจัดการกับปัญหาความอดยากทั่วโลกได้” ไม่เท่านั้นในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา เจ้าตัวยังก่อตั้งกองทุนเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายอีกด้วย “และจำเอาไว้ ถ้าไวรัสไม่มาหาซลาตัน ซลาตันจะไปจัดการกับไวรัสเอง” 

ในหนังสือ I am Zlatan เขาบอกว่า “ผมต้องการที่จะยืนหยัดต่อโลกทั้งใบ และแสดงให้ทุกคนที่สงสัยว่าตัวผมเป็นใคร และผมไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะมีใครมาหยุดผมได้” ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ซลาตันคว้าแชมป์มาแล้วมากกว่า 30 รายการ ทำเงินมากมายมหาศาล แต่เขายังต้องการพิสูจน์ตัวเองอยู่พร้อมท้าชนให้คนมาหยุดเขา

และถ้าคุณสงสัยในตัว ซลาตัน ฮิบราฮิโมวิช ให้ลองเปิดพจนานุกรมภาษาสวีเดนจะพบคำว่า “Zlatanera” ซึ่งเป็นคำใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในปี 2012 เพื่อยกย่องซลาตัน โดยความหมายของคำนี้แปลว่า เข้าครอบครอง (To dominate) เหมือนที่ซลาตันกำลังครอบครองโลกทั้งในและนอกสนามฟุตบอลตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ