ลือหึ่ง หมอสาวพาแม่และพี่สาวมารับวัคซีนไฟเซอร์ ยื่นใบลาออก ล่าสุด สสจ.ตั้งกรรมการสอบ ย้ำเคยเตือนทุกส่วนแล้วเฉพาะด่านหน้าเท่านั้น
จากกรณีที่โลกออนไลน์ มีการแชร์เหตุการณ์แพทย์สาวจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช นำครอบครัวเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ จนเป็นที่โจษจันในวงการแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขของจังหวัดนครศรีธรรมราช
ล่าสุด วันนี้ (16 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการตรวจสอบข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีแพทย์หญิงระดับปฏิบัติการณ์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้นำครอบครัวมารับวัคซีนไฟเซอร์ในเวลาช่วงบ่ายของวันดังกล่าว
ข้อมูลจากการสืบสวนผ่านผู้เกี่ยวข้อง ระบุว่า ในวันนั้นได้เบิกจ่ายวัคซีนจำนวน 11 ขวด จะมีผู้ได้รับวัคซีนซึ่งเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่อำเภอที่เกิดเหตุ จำนวน 66 คน มารอรับ โดยวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด ซึ่งจะสามารถฉีดให้กับบุคคลากรได้ 6 คน
แต่มีเทคนิคคือแต่ละขวดหากใช้วิธีการ Low Dead Space Syringe จะสามารถดึงวัคซีนฉีดได้ถึง 7 คน ซึ่งโดยปกติแต่ละขวดนั้นจะฉีดเฉพาะ 6 คน หรือ 6 โดสเท่านั้น ที่เหลือจะได้รับคำสั่งให้ทิ้ง ประเด็นนี้ได้มีการเตรียมการล่วงหน้า โดยผู้ที่มารับวัคซีนซึ่งเป็นครอบครัวของแพทย์หญิงคนดังกล่าวนั้นได้รับวัคซีนจากส่วนที่เหลือ 1 คน คือพี่สาว
ส่วนแม่นั้นเจ้าหน้าที่ดูดวัคซีนจากขวดได้แค่ 6 โดส ได้ใช้ในส่วนนี้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่เข้ามาฉีดนั้นไม่มีใบเซ็นยินยอมรับวัคซีน และไม่มีสติ๊กเกอร์ Lot Vaccine ไม่มีการส่งเอกสารคีย์เข้าระบบ MOPH IC แต่สามารถตรวจสอบได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้รับวัคซีนในขวดที่ 2 ใน Lot : 30125BA Exp.30/11/2564 แต่ไม่ทราบลำดับโดส เพราะไม่มีสติ๊กเกอร์ติดให้
ในขณะที่เหตุการณ์เกิดขึ้นมีแพทย์หญิงคนดังกล่าวกำกับอยู่ตลอด ที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้สร้างความอึดอัดให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้รายงานให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทราบโดยทันที และหลังจากที่ถูกกล่าวถึงในแวดวงเจ้าหน้าที่มากขึ้น แพทย์หญิงคนดังกล่าวได้แสดงความจำนงที่จะยื่นขอลาออกจากตำแหน่ง แพทย์ปฏิบัติการของโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว ในขณะที่เรื่องการลาออกนั้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฎเอกสารอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวย้ำทุกครั้งในการประชุมและการแถลงข้อมูลกับผู้สื่อข่าว นับตั้งแต่ก่อนการรับวัคซีนมาจากส่วนกลางว่า การรับวัคซีนไฟเซอร์จะต้องเป็นไปตามเจตนารมย์ คือ ต้องเป็นแพทย์พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเท่านั้น หากผิดไปจากนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกสังคมลงโทษ และต้องดำเนินการทางวินัย
ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลดังกล่าวนั้น ขณะนี้ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามขั้นตอนของทางราชการแล้ว ส่วนการที่แพทย์หญิงคนดังกล่าวจะลาออกนั้นขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสาร