ผอ.กองควบคุมโรคฯ ยืนยันวัคซีนไฟเซอร์ไม่ได้ล่องหน แพทย์และด่านหน้าฉีดเข็ม 3 ไปแล้วกว่า 82,000 โดส เตรียมส่งไปให้เพิ่มจนครบจำนวน
วันนี้ (10 ส.ค.) นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เปิดเผยเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มจัดส่ง วัคซีนไฟเซอร์ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม และเริ่มทยอยฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมเป็นต้นมา
ทำให้ปัจจุบันข้อมูล ณ วันที่ 9 สิงหาคม มีแพทย์และบุคลากรด่านหน้าได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิแล้วจำนวน 82,993 โดส รวมมีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 สะสมทั้งสิ้น 129,834 ราย
ทั้งนี้ นพ.เฉวตสรร ยืนยันว่าบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ทุกรายตามเกณฑ์ ส่วนบุคลากรที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในรอบแรก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากข้อมูลที่ตกหล่นหรือคาดเคลื่อน จึงขอให้แจ้งมาทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งข้อมูลมายังกระทรวงสาธารณสุขและคลินิกเอกชน เพื่อแจ้งให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดส่งวัคซีนต่อไป
สำหรับกรณีที่มีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้น้อยกว่าจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ส่งรายชื่อเข้ามาในหลายพื้นที่นั้น นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ รพ.สนามธรรมศาสตร์ ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ไม่เพียงพอตามจำนวน ขณะนี้ก็ได้จัดส่งครบแล้ว ดังนั้นในหลักเกณฑ์การจัดสรรวัคซีน ดำเนินการโดยดูจากฐานข้อมูลบุคลากรว่าฉีดวัคซีนไปเท่าไหร่ และสำรวจบุคลากรที่มีความประสงค์ต้องการรับวัคซีนไฟเซอร์มีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งในการสำรวจรอบแรกอาจจะมีการตกหล่น ถ้าหากมีการแจ้งรายชื่อบุคลากรที่จะรับวัคซีนไฟเซอร์ต่ำกว่า 50% ก็จะจัดสรรวัคซีนให้ในจำนวน 50% เต็ม แต่ถ้ามีรายชื่ออยู่ในระหว่าง 50-75% จะจัดสรรวัคซีนให้ตรงตามจำนวนที่ขอมา หากจังหวัดใดมีรายชื่อเกิน 75% ก็จะดำเนินการส่งให้ในเบื้องต้นก่อน 75%
ดังนั้นในจังหวัดที่พบว่าวัคซีนขาด ก็จะอยู่ในส่วนของรายชื่อที่ส่งเข้ามาเกิน 75% เมื่อเทียบกับฐานข้อมูล แต่อย่างไรก็ตามวัคซีนไฟเซอร์ที่จัดไปในรอบแรก ข้อมูลอาจจะมีการคลาดเคลื่อน ก็เตรียมพร้อมที่จะจัดส่งไปเพิ่มเติมให้กับ รพ.ที่ยังไม่ได้รับ ยืนยันว่าบุคลากรด่านหน้าจะได้รับวัคซีนทุกคน และในส่วนแนวทางการผสมวัคซีนก็เป็นไปตามสูตรที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดมา โดยเป็นการผสมวัคซีนกับน้ำเกลือในปริมาณ 1.8 cc หรือ 0.9% ฉีดเข้าไปในขวดวัคซีน พร้อมกับกลับขวดไปมา 10 รอบ เมื่อผสมพร้อมฉีด ต้องฉีดให้หมดภายใน 6 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามรายละเอียดของบริษัทผู้ผลิตกำหนด ไม่มีการผสมน้ำแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เพื่อให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และนัดหมายอีก 3 สัปดาห์ ฉีดเข็มที่ 2
สรุปการฉีดวัคซีนโควิดตั้งแต่วันแรกที่เริ่มฉีด 28 ก.พ. 64 จนถึงวันที่ 9 ส.ค. 64 เวลา 18.00 น.
– ฉีดแล้ว 21,171,110 โดส
– การฉีดเข็มที่ 1 รวมทุกยี่ห้อ 16,336,743 ราย เป็นวัคซีนไฟเซอร์ 33,219 ราย
– การฉีดเข็มที่ 2 รวมทุกยี่ห้อ 4,566,345 ราย เป็นวัคซีนไฟเซอร์ 13,622 ราย
– การฉีดเข็มที่ 3 รวมทุกยี่ห้อ 268,022 ราย เป็นวัคซีนไฟเซอร์ 82,993 ราย
ประเภทของวัคซีนที่ฉีดไปแล้ว
– วัคซีนซิโนแวค จำนวน 10,269,135 ราย
– วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 9,230,417 ราย
– วัคซีนซิโนฟาร์ม 1,541,724 ราย
– วัคซีนไฟเซอร์ 129,834 ราย