ในปัจจุบันเราเชื่อว่าการส่งข้อความหากันระหว่างการสนทนานั้นมีปริมาณมากกว่ายกสายคุยด้วยเสียงอย่างแน่นอน ด้วยเทคโนโลยีและแอปพลิเคชั่นมากมายที่ถูกส่งออกมาให้เลือกใช้งาน
ระหว่างที่เราส่งข้อความสนทนากันไปมา นอกจากรูปแบบของประโยคที่มีแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่เรานิยมส่งกันเพื่อนแสดงอารมณ์ในตอนนั้น ๆ คือการส่งโมจิ “อีโมจิสามารถพูดได้เป็นพันคำ” หรือไม่ แต่มันสามารถเสริมสร้างความผูกพัน ทำให้เกิดการไม่แบ่งแยกเพศ และทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ
โดย อีโมจิ ถูกออกแบบและใช้ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น โดย Shigetaka Kurita เดิมมีความหมายว่า ตัวหนังสือภาพ โดยมาจากคำ เอะ (絵, “ภาพ”) ประสมกับคำ โมจิ (文字, “ตัวหนังสือ”) ความคล้ายคลึงระหว่างรูปอักษรโรมันของคำนี้ emotion และ emoticon ในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น
ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานของ Adobe ระบุว่าอีโมจิรอยยิ้มมีพลังในการแสดงความเอาใจใส่และอีโมจิก็ทำให้ความน่านักในการส่งลดลงเช่นกัน หากไม่สนิทและรู้ใจกันมากพอ…
อย่างเช่น 3 อันดับอีโมจิที่จะทำให้ผู้ใช้ดูน่ารักมากขึ้น เมื่อต้องไปเดท ได้แก่
- ส่งต่อความรัก จูบ จุ๊บๆ
- กำลังมีความรัก
- ยิ้มตาเป็นหัวใจ ตกหลุมรัก
อีโมจิที่กล่าวมานั้นเป็น อีโมจิ ที่มีเอาไว้ส่งจูบ ส่งความรักให้กับบุคคลที่เราคุยด้วย เป็นสัญลักษณ์การจีบ และการแสดงออกถึงความรัก ความชอบนั่นเอง มักพบบ่อยตอนที่เราเห็นคนแอ๊วจีบกันนั่นเอง
ส่วน 3 อันดับอีโมจิที่จะทำให้ผู้ใช้ดูน่ารักน้อยลง ได้แก่
- มะเขือม่วง
- ลูกพีช
- ลิงหลอกเจ้า ( zany)
ดังนั้นอีโมจิแต่ละตัวมีความหมาย ก่อนเลือกส่งต้องเลือกให้เหมาะ…