.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
สาวปฏิเสธไม่สละที่นั่งริมหน้าต่างบนเครื่องบินให้เด็ก เพราะจองมาแล้ว กลับถูกมองเป็น “คนผิด” ชีวิตพังทลาย ตกงาน-ถูกโจมตีบนโลกออนไลน์
เว็บไซต์ Daily Mail รายงานเรื่องราวของ เจนนิเฟอร์ คาสโตร อดีตพนักงานธนาคารชาวบราซิล วัย 29 ปี ที่ตกเป็นเป้าการโจมตี หลังปฏิเสธสละที่นั่งบนเครื่องบินให้เด็กที่ร้องไห้ เหตุการณ์นี้พลิกชีวิตเธออย่างสิ้นเชิง จากแรงกดดันของสังคม สู่ความโด่งดังบนโลกออนไลน์ และเส้นทางเรียกร้องความยุติธรรมทางกฎหมาย
เจนนิเฟอร์ กลายเป็นศูนย์กลางของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังเหตุการณ์บนเที่ยวบินภายในประเทศของสายการบินหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2024 มีคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ ซึ่งเจนนิเฟอร์ยืนยันว่าไม่ได้มาจากแม่ของเด็ก แต่เป็นฝีมือของผู้โดยสารรายอื่น ถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดกระแสโจมตีเธออย่างรุนแรงบนโลกออนไลน์
“หลังเหตุการณ์นั้น ชีวิตฉันเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยนึกฝัน เรื่องที่ควรเป็นเพียงเที่ยวบินธรรมดากลับกลายเป็นสถานการณ์ที่น่าอับอาย ฉันถูกทำให้กลายเป็นเป้าหมายอย่างไม่เป็นธรรม ส่งผลกระทบทั้งต่อชีวิตส่วนตัวและอาชีพ ฉันต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ การโจมตี และการคาดเดาจากคนที่ไม่รู้ความจริงทั้งหมด” เจนนิเฟอร์ กล่าว
เจนนิเฟอร์ เล่าว่า ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อเธอขึ้นเครื่องและพบว่ามีเด็กนั่งอยู่ที่นั่งของเธอ ซึ่งเธอเลือกไว้ล่วงหน้าเพราะต้องการนั่งริมหน้าต่าง เธอจึงคาดหวังว่าเด็กจะย้ายไปนั่งที่อื่น เธอเล่าว่า “ฉันรอให้เด็กนั่งที่อื่นก่อน แล้วจึงนั่งลงที่ของตัวเอง”
สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อมีคนเริ่มถ่ายคลิปเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต “ระหว่างเที่ยวบิน เด็กคนนั้นร้องไห้หนักมาก แม้มันจะน่ารำคาญ แต่ฉันก็เข้าใจได้เพราะเป็นเรื่องปกติของการเดินทาง สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจคือ มีคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยกลับเริ่มถ่ายคลิปฉัน ด่าว่าฉัน และพยายามทำให้ฉันอับอายต่อหน้าคนทั้งลำ เพียงเพราะฉันไม่ยอมเปลี่ยนที่นั่ง”
เมื่อคลิปถูกเผยแพร่ออกไป กระแสโจมตีจากสังคมก็รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบหนักต่อสุขภาพจิตและอาชีพของเธอ “ฉันตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าสิ่งเล็กน้อยแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ในด้านอาชีพ ชีวิตฉันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฉันไม่ได้ทำงานในสายงานเดิมอีกต่อไป ฉันเคยเป็นพนักงานธนาคาร แต่ตอนที่กระแสโจมตีรุนแรงที่สุด ฉันแทบไม่กล้าออกจากบ้านเลย”
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกเสียงจะเป็นแง่ลบ ความมั่นคงในจุดยืนของเธอทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยสนับสนุน ส่งผลให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์แบบไม่คาดคิด ยอดผู้ติดตามบนอินสตาแกรมพุ่งขึ้นถึง 2.1 ล้านคน เปิดโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้จากงานพรีเซนเตอร์และแบรนด์แอมบาสเดอร์
แม้จะมีชื่อเสียงเพิ่มขึ้น แต่เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางสื่อ เธอตัดสินใจดำเนินคดีทางกฎหมาย เธอได้ยื่นฟ้องสายการบิน เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยทั้งด้านจิตใจและทรัพย์สิน นอกจากนี้ เธอยังดำเนินการฟ้องร้องผู้โดยสารที่ถ่ายคลิปเธอโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
“นอกจากผลกระทบทางอารมณ์แล้ว ฉันยังรู้สึกหวาดกลัว เพราะเราต่างรู้ดีว่าโลกนี้เต็มไปด้วยคนไม่หวังดี ฉันตัดสินใจฟ้องสายการบิน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันเป็นความอับอายครั้งใหญ่ และเรื่องนี้ไม่ควรบานปลายถึงขั้นนี้ ไม่มีใครสมควรต้องเผชิญกับสิ่งที่ฉันถูกถ่ายคลิป ถูกดูหมิ่น และถูกโจมตี เพียงเพราะใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเอง”
เจนนิเฟอร์ กล่าวว่า “คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องค่าชดเชย แต่เป็นการกำหนดขอบเขตให้กับพฤติกรรมเช่นนี้ พวกเราทุกคนมีสิทธิ และสิทธิเหล่านั้นต้องได้รับการเคารพ ไม่ว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร”
เธอเสริมว่า “เรารวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่จำเป็น และดำเนินมาตรการทางกฎหมายกับบุคคลที่ถ่ายคลิปฉัน โดยไม่มีการดำเนินคดีกับแม่ของเด็ก มีเพียงผู้ที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของฉันเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ”