
จากกรณีผู้ใช้ Facebook ชื่อ Pete Fukuyama เจ้าของรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า สีแดง ได้โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถ ขณะขับขี่ด้วยความเร็ว แซงรถยนต์หนึ่งคันก่อนเข้าไปแทรกและเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่กำลังขับอยู่ในเลนขวา ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังจะเบี่ยงเข้าเลนกลาง ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ล้มลงและได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณใต้ทางต่างระดับตัดกับถนนราชพฤกษ์ บางศรีเมือง-วัดโบสถ์ดอนพรหม ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี เหตุเกิดวันที่ 28 ก.พ. 68 เวลา 08.22 น.
โพสต์ดังกล่าวยังระบุข้อความว่า “คลิปที่ บบค.114 ใครจะให้รีวิวประกันรถบอกผมนะ บ.ใหญ่ๆ เปลี่ยนมาทุกเจ้าแล้ว ส่วนประกันชีวิตให้ไปถามคนขับบิ๊กไบค์ ส่งคลิป #กล้องหน้ารถ ไปที่เพจ #อาสาตาจราจร มีรางวัล 600,000 บาทต่อปี”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจำนวนมากได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยบางคนมองว่าการขับขี่ของรถเก๋งสีแดงนั้นอันตราย เนื่องจากมีพฤติกรรมปาดหน้ารถคันอื่น เป็นภัยต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และไม่มีจิตสำนึก อย่างไรก็ตาม เจ้าของโพสต์ได้เข้ามาตอบคอมเมนต์อย่างดุเดือด พร้อมระบุว่า “เคสนี้มอเตอร์ไซค์ผิด จบนะผู้เชี่ยวชาญ กรุณาหุบปาก เชิญชมรถทัวร์ขนควายครับ คือผมกับมอเตอร์ไซค์เคลียร์กันจบแล้ว แต่มีควายจำนวนมากเข้ามาสะเหล่อตัดสินแทน”
ต่อมา หลังจากชาวเน็ตได้เห็นพฤติกรรมของเจ้าของรถมาสด้าแดงที่เข้าไปตอบโต้คอมเมนต์อย่างก้าวร้าว ทำให้เพจเฟซบุ๊กชื่อดังหลายเพจออกมาเปิดเผยคลิปเหตุการณ์อื่นๆ บนท้องถนนที่เกี่ยวข้องกับรถคันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นพฤติกรรมการขับขี่ที่ก้าวร้าว เช่น การบีบแตรใส่รถจักรยานยนต์ด้วยความสะใจ รวมถึงการขับขี่ในลักษณะหัวร้อน ทั้งนี้ยังพบว่ายังมีการโพสต์รูปอาวุธปืนที่คอนโซลหน้ารถอีกด้วย ต่อมา นักสืบโซเชียลได้ตรวจสอบข้อมูลจนพบว่าผู้ขับขี่รถมาสด้าแดงเป็นชาย สวมแว่นตา และทำงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย พร้อมตั้งฉายาให้ว่า “ไอต้าวแว่น มาสด้าแดง” ส่งผลให้กระแสโซเชียลพุ่งเป้าไปยังสถานที่ทำงานและเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาจนในที่สุดเจ้าของรถมาสด้าแดงได้ปิดเฟซบุ๊กและช่องทางติดต่อส่วนตัวทั้งหมด
ล่าสุดวันนี้ (2 มี.ค. 68) เวลา 13.00 น. ภายหลังจากการแถลงข่าวที่เพจ สายไหมต้องรอด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พานายจินตระการ แก้ววังอ้อ อายุ 49 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Kawasaki 650 ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณดังกล่าวเป็นถนนเลนด่วน 3 เลน โดยมีการจำกัดความเร็วในแต่ละเลน ได้แก่ เลนซ้าย 80 กม./ชม. เลนกลาง 100 กม./ชม. และเลนขวา 120 กม./ชม. ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า จุดเกิดเหตุไม่มีป้ายห้ามรถจักรยานยนต์ใช้เส้นทางดังกล่าว ก่อนจะเดินทางเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.อานนท์ แพรงาม สว. (สอบสวน) สภ.บางศรีเมือง เพื่อให้ดำเนินการตามคดีกฎหมายต่อไป
นายเอกภพ กล่าวว่า วันนี้ได้พาผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับไฮโซเก๋งมาสด้าแดงดังกล่าว ซึ่งทางผู้เสียหายคิดว่าเก๋งแดงคันดังกล่าวตั้งใจชน ตอนนี้รอทางพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างสอบปากคำอย่างละเอียด รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเรื่องนี้ใจตนอยากให้ดำเนินคดีในข้อหา พยายามฆ่า และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย อย่างไรก็ตามอยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการแจ้งข้อกล่าวหา เรื่องนี้ตนฝากผู้ใช้รถใช้ถนนว่าการขับรถต้องคำนึงถึงเพื่อนร่วมทางด้วย และพฤติกรรมที่กระทำมาทั้งหมดตอนนี้ขอให้หยุดกระทำแบบนี้ และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีผู้เสียหายออกมาแจ้งความหลายคนกับไฮโซเก๋งดังกล่าว
นายจินตระการ ผู้เสียหาย กล่าวว่า อยากให้ทางผู้ขับขี่ได้รับโทษ คิดว่าเขาตั้งใจชน และเขาไม่ได้ขอโทษแต่อย่างใด หลังเกิดเหตุตนไม่ได้รับบาดเจ็บเยอะจึงไม่ได้แจ้งความ และมาทราบคลิปย้อนหลังมีวีรกรรมเกี่ยวกับการขับรถในโซเชียล จึงตัดสินใจนำเรื่องเข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด และตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุลักษณะนี้กับใครอีก เท่าที่ดูจากสื่อโซเชียลต่างๆ ที่นำคลิปมาลง พบว่าส่วนใหญ่จะก่อเหตุกับรถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ตามวันนี้ตนก็ขอให้ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้กระทำความผิด และขอขอบคุณทางชาวเน็ตที่ให้กำลังใจและเป็นห่วง และอยากฝากถึงเจ้าของรถว่า อย่าขับรถอีกเลย ถ้าทำแบบนี้มันเป็นภัยต่อสังคมมาก และยังภูมิใจกับสิ่งที่ตนเองกระทำอยู่ พ.ต.ท. อานนท์ แพรงาม สารวัตรสอบสวน สภ.บางศรีเมือง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้รับแจ้งความเกี่ยวกับกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด และสามารถระบุตัวเจ้าของรถยนต์มาสด้าสีแดงคันดังกล่าวได้แล้ว โดยอยู่ระหว่างดำเนินการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวนตามกระบวนการทางกฎหมาย เบื้องต้นทางตำรวจได้ประสานงานกับฝ่ายสืบสวนเพื่อติดต่อไปยังเจ้าของรถ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามตัวเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป