![เช็กกลิ่นผายลม! หมอเผยหากมี 2 กลิ่นนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือน เสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช็กกลิ่นผายลม! หมอเผยหากมี 2 กลิ่นนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือน เสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่](https://s.isanook.com/ns/0/ud/1944/9721770/new-thumbnail1200x720(5)(4).jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
กลิ่นผายลมเหม็นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณอันตราย! หากผายลมออกมาเป็น 2 กลิ่นนี้ เสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ รีบไปพบแพทย์
การผายลมเป็นเรื่องปกติของร่างกาย แต่หากมีกลิ่นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ แพทย์ทางเดินอาหารในไต้หวันเผยว่า ปกติคนเราจะผายลมวันละ 10-18 ครั้ง และหากระบบขับถ่ายดี กลิ่นจะไม่รุนแรงนัก แต่หากมีกลิ่น 2 แบบนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ผายลมปกติไม่มีกลิ่น
ดร.เฉียน เจิ้งหง แพทย์ทางเดินอาหารชาวไต้หวัน อธิบายว่า เมื่อร่างกายย่อยคาร์โบไฮเดรต จะเกิดก๊าซ เช่น มีเทน ไฮโดรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งถูกขับออกมาในรูปของการผายลม โดยทั่วไปจะไม่มีกลิ่น ยกเว้นในกรณีที่มีก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) ประมาณ 1% ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่รับประทาน
หากมีกลิ่นคาวหรือเน่า ต้องรีบพบแพทย์
ดร.เฉียน เจิ้งหง ยังกล่าวถึงอาหารบางประเภท เช่น นม เนื้อสัตว์ ไข่ กระเทียม และหัวหอม ที่มีสารซัลไฟด์สูง ซึ่งทำให้กลิ่นผายลมแรงขึ้น ขณะที่ผู้ที่ทานอาหารมังสวิรัติมักจะมีการผายลมบ่อย แต่ไม่มีกลิ่นแรง
อย่างไรก็ตาม หากผายลมมีกลิ่นคาวหรือเน่า อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบในลำไส้ แผล หรือเลือดออก และอาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
วิธีป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
สำนักงานสุขภาพไต้หวันแนะนำ 4 วิธีดูแลลำไส้ให้สุขภาพดี ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ, การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาตามคำแนะนำหลังการวินิจฉัย โดยเฉพาะสำหรับประชาชนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 75 ปี