รักจริงให้สิ่งนี้ "ของขวัญวาเลนไทน์" สุดคลาสสิค แถม "กินดี" ต้านมะเร็ง-ลดไขมัน!

Home » รักจริงให้สิ่งนี้ "ของขวัญวาเลนไทน์" สุดคลาสสิค แถม "กินดี" ต้านมะเร็ง-ลดไขมัน!
รักจริงให้สิ่งนี้ "ของขวัญวาเลนไทน์" สุดคลาสสิค แถม "กินดี" ต้านมะเร็ง-ลดไขมัน!

เติมเต็มความรักในวันวาเลนไทน์ ด้วยของขวัญแสนหวานสุดคลาสสิค และทรงคุณค่าสำหรับสุขภาพ ช่วยต้านมะเร็ง-ลดไขมันในเลือด-เพิ่มพลังสมอง!

ในวันวาเลนไทน์ “ช็อคโกแลต” เป็นของขวัญยอดนิยม ที่คู่รักเลือกจะมอบให้กันเสมอมา โดยที่บางคนอาจจะไม่รู้ว่าขนมแทนใจชิ้นนี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

ช็อกโกแลตทำมาจากเมล็ดของต้นโกโก้ และถูกใช้เป็นครั้งแรกในภูมิภาคอเมริกากลาง จนถึงปัจจุบัน ช็อกโกแลตได้รับความนิยมทั่วโลก ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ หวานอร่อย และยังเป็นของขวัญที่นิยมในวันวาเลนไทน์ นอกจากนี้ ช็อกโกแลตยังเป็นที่รู้จักในเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่สามารถมอบให้กับร่างกายของมนุษย์

ลดไขมันในเลือด

ผลศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition ชี้ว่าการทานช็อกโกแลตสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าส่วนประกอบในโกโก้ สามารถส่งผลกระทบต่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ดังนั้น ช็อกโกแลตจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมอาหารเพื่อลดไขมัน ช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ โดยการลดคอเลสเตอรอลในเลือดและปรับปรุงความดันโลหิต

ปรับปรุงการทำงานของสมอง

นักวิทยาศาสตร์จากวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ดแนะนำว่า การดื่มช็อกโกแลตร้อน 2 แก้วต่อวัน สามารถช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการสูญเสียความจำในผู้สูงอายุ และยังพบว่าสามารถช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองด้วย

การศึกษาหนึ่งในห้องปฏิบัติการที่เผยแพร่ในปี 2014 ชี้ให้เห็นว่า สารสกัดจากโกโก้ที่เรียกว่า lavado สามารถลดหรือป้องกันความเสียหายของเส้นประสาทในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ช่วยชะลอการเสื่อมของความคิด สอดคล้องกับการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Appetite ปี 2016 พบว่า การทานช็อกโกแลตอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง สามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองได้

ปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด

การศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร BMJ พบว่า การทานช็อกโกแลต สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึง 1 ใน 3 จากการสังเกตนักวิจัยสรุปว่า การบริโภคช็อกโกแลตในระดับที่สูงขึ้น อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางการเผาผลาญของหัวใจที่ต่ำลง

ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

การศึกษาของนักวิทยาศาสตร์จากแคนาดาที่มีผู้เข้าร่วม 44,489 คน พบว่าผู้ที่ทานช็อกโกแลต 56.7 กรัมต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองต่ำลงถึง 46% สิดคล้องกับการศึกษาครั้งที่เผยแพร่ในวารสาร Heart ปี2015 ได้ติดตามผลกระทบของการรับประทานอาหารต่อสุขภาพระยะยาวของผู้ชายและผู้หญิง 25,000 คน พบว่าการทานช็อกโกแลต 100 กรัมต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้

มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์

ผลการศึกษาที่นำเสนอในการประชุมของสมาคมแพทย์มารดาและเด็กที่แอตแลนตา สหรัฐอเมริกาในปี 2016  ระบุว่า การทานช็อกโกแลต 30 กรัมทุกวันระหว่างตั้งครรภ์ สามารถช่วยในการพัฒนาและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้

เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

ข้อมูลที่เผยแพร่ในวารสาร The International Society of Sports Nutrition พบว่า การทานดาร์กช็อกโกแลตเล็กน้อยสามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนระหว่างการออกกำลังกาย เนื่องจากช็อกโกแลตดำมี flavonoid ชื่อว่า epicatechin ซึ่งช่วยเพิ่มการปล่อยไนตริกออกไซด์ในร่างกาย

ช่วยในการป้องกันมะเร็ง

มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่า ดาร์กช็อกโกเลตสามารถป้องกันร่างกายจากมะเร็งบางชนิดได้ สารต้านอนุมูลอิสระในช็อกโกแลตช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลของออกซิเจนที่ไม่เสถียร และทำให้เกิดความชราและโรคต่างๆ

Dr. Joy DuBost นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารและนักโภชนาการจากสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “เมื่อมีอนุมูลอิสระมากเกินไปในร่างกาย พวกมันจะโจมตีเซลล์จนทำให้เกิดอาการอักเสบและบางโรคเช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และอัลไซเมอร์”

การศึกษาที่เผยแพร่ปี 2022 ในวารสาร Cell พบว่า เซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายสามารถกำหนดเป้าหมายไปยังเซลล์ที่ผิดปกติหรือมีการติดเชื้อได้ในสภาพแวดล้อมที่มีแมกนีเซียมสูง และตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ใน 100 กรัมของช็อกโกแลตดำ (70-85% โกโก้) จะมีแมกนีเซียม 228 มิลลิกรัม

ทั้งนี้ แม้ว่าช็อกโกแลตจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ก็มี “ข้อควรระวัง” เนื่องจากปริมาณน้ำตาลในช็อกโกแลตมักสูง ดังนั้นควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกซื้อช็อกโกแลตที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดขึ้น

  • สาวออฟฟิศเสน่ห์แรง หนุ่มแข่งกันส่ง “ของขวัญ” มาจีบจนล้นโต๊ะ ชาวเน็ตขอซูมหน้าชัดๆ
  • สายกินเฮ! “ฮาร์วาร์ด” เปิดชื่อช็อกโกแลต 1 ชนิด ทั้งดีและอร่อย ลดเสี่ยงเบาหวานได้ถึง 21%

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ