แม่ลูก 4 แชร์ทริกลดน้ำหนักแบบสุดโต่ง จากไซซ์ XXXL เป็น M เผยทาน 5,000 แคลอรี่ต่อวัน ลดได้มากกว่า 32 กก. 

เว็บไซต์ Daily Mail รายงานว่า ราเชล แอชบี วัย 41 ปี นักธุรกิจหญิงชาวอังกฤษ ได้แชร์ทริกลดน้ำหนัก หลังจากลดไปได้ 32 กิโลกรัม พร้อมลดขนาดเสื้อผ้าลง 4 ไซส์ ด้วยการทานอาหารสุดโต่งที่ให้พลังงานถึง 5,000 แคลอรีต่อวัน ซึ่งประกอบด้วยเนื้อสัตว์ เนย และไข่ เธอรับประทานสเต็กวันละ 3 ชิ้น พร้อมกับไก่อีก 1 กิโลกรัม และเนยทั้งแท่ง

คุณแม่ลูก 4 รายนี้ เผยว่า ไม่ได้ซื้อผักเข้าบ้านมา 4 ปีแล้ว แม้แต่สำหรับลูก ๆ ที่มีอายุระหว่าง 9- 21 ปี ก็ตาม

แม้เธอยังคงเข้ายิมเป็นประจำ แต่ราเชลเผยว่าตอนนี้ออกกำลังกายน้อยลงได้ เพราะอาหารที่เธอทานช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ

ตั้งแต่เริ่มรับประทานแบบที่เรียกกันว่า “คาร์นิวอร์ไดเอท” (Carnivore Diet ) ในปี 2019 ราเชลรู้สึกว่าตนเองเข้าใจสัญญาณความหิวของร่างกายมากขึ้น

“ฉันไม่ต้องทนหิวหรือรู้สึกว่าต้องอดอาหารอีกต่อไป” เธอกล่าว “ฉันแค่กินจนรู้สึกอิ่มและพอใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ฉันมักจะเพิกเฉยต่อความหิวของตัวเอง”

แรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงอาหารครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 2019 หลังจากพยายามลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นมานานถึง 3 ปี แต่ไม่สำเร็จ

เธอเคยลองมาหลายวิธี ตั้งแต่การนับแคลอรีไปจนถึงการกินแบบคีโต แต่สุดท้ายก็มักกลับมามีน้ำหนักเท่าเดิม พร้อมความรู้สึกอ่อนเพลียและท้องอืด

ในปี 2019 เธอได้ชมวิดีโอของ ดร.ชอว์น เบเกอร์ ซึ่งอ้างว่าสามารถพลิกฟื้นโรคเรื้อรัง โรคภูมิคุ้มกัน และปัญหาสุขภาพจิตได้ด้วยการทานอาหารแบบคาร์นิวอร์ไดเอท

อาหารนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้น เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ไขมันสัตว์ และผลิตภัณฑ์นมที่มีแลคโตสต่ำ โดยจะงดอาหารจากพืชทั้งหมด เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว รวมถึงถั่วและเมล็ดพืช

• ชายผู้กินแค่ชีส เนื้อวัว และเนยเป็นเวลา 8 เดือน เผชิญผลข้างเคียงที่น่าตกใจ
• อดีตสาววีแกน ผันตัวกินแต่เนื้อสัตว์-นม เป็นเวลา 6 ปี เผยผลลัพธ์ที่น่าประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้แสดงความกังวลต่ออาหารประเภทนี้มานาน เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด

ตามข้อมูลจาก ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (NHS) ของสหราชอาณาจักร การบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้

ความเสี่ยงสำคัญมาจากปริมาณไฟเบอร์ที่ต่ำจนน่าตกใจ ซึ่งไฟเบอร์เป็นสารอาหารสำคัญที่พบในผลไม้ ผัก และคาร์โบไฮเดรต และมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน

ราเชลเผยว่าการทานอาหารแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกมีพลังมากขึ้นภายในเพียง 3 วัน

ในสัปดาห์แรก เธอลดน้ำหนักไป 7 ปอนด์โดยไม่ต้องนับแคลอรี แค่กินเมื่อรู้สึกหิว

ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ยึดติดกับการกินแบบนี้ โดยบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ประมาณ 5,000 แคลอรีต่อวัน

“มื้อเช้าฉันกินไข่ 10 ฟอง พร้อมเนย 1 ก้อนและเกลือ” ราเชลกล่าว “ฉันกินไขมันเพราะรสชาติ และเมื่อไขมันเริ่มไม่อร่อย นั่นคือสัญญาณว่าร่างกายอิ่มและเพียงพอแล้ว”

“มื้อกลางวัน ฉันกินปีกไก่ 1 กิโลที่อบในหม้อทอดไร้น้ำมัน ถ้ารู้สึกว่าต้องการไขมันก็จะเพิ่มเนยเข้าไปด้วย”

“ส่วนมื้อเย็น ฉันมักกินสเต็กริบอายสองชิ้น แต่ถ้ารู้สึกหิวมากหรือมีวันที่ต้องใช้พลังงานเยอะก็จะเพิ่มเป็น 3 ชิ้น และปรุงด้วยเนย”

เธอใช้เนยถึง 7 ก้อนต่อสัปดาห์ แต่กลับบอกว่าค่าอาหารไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คิด

เมื่อพูดถึงการมีส่วนร่วมของลูก ๆ กับการกินแบบคาร์นิวอร์ ราเชล กล่าวว่า “ลูกสาวคนโตทำงานและซื้ออาหารเอง แต่ลูกชายคนเล็ก ลูกชายคนโต และลูกสาวคนเล็กบางครั้งก็ทานแบบนี้ด้วย”

“พวกเขาสลับไปมา บางทีถ้าไปค้างบ้านคนอื่นหรือไปงานปาร์ตี้ก็อาจมีขนมทานจากที่นั่นบ้าง ทุกคนรู้ว่าความสำคัญของสารอาหารหลักมาจากอะไร บางครั้งพวกเขาก็ตัดสินใจกินแบบนี้เอง และบางครั้งก็ตัดสินใจไม่ทำ”

เวลาไปทานอาหารนอกบ้าน ราเชลมักสั่งสเต็กพร้อมไข่ หรือเบอร์เกอร์ชีสแบบไม่เอาขนมปัง

“เนื้อที่ฉันชอบต้องแบบบลู คือข้างในยังแดงและมีเลือดอยู่ แต่แค่อุ่นพอ” เธอกล่าว

ราเชลยังเผยว่าอาหารแบบนี้ช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจของเธอให้ดีขึ้นอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ เธอมีอาการกลัวการอยู่ในที่สาธารณะ (agoraphobia) และรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อต้องเห็นภาพตัวเองบนโลกออนไลน์

“ถ้าใครถ่ายรูปฉัน ฉันจะบังคับให้ลบ มันแย่มากจริง ๆ รู้สึกเหมือนสมองเป็นพิษ ทุกอย่างดูมืดมนไปหมด แต่ตอนนี้ฉันมีความสุขตลอดเวลา” เธอกล่าว

นอกจากเปลี่ยนการกิน เธอยังนำเนื้อสัตว์มาใช้ในกิจวัตรความงาม โดยใช้ไขมันเนื้อวัว (beef tallow) เป็นมาสก์ผมและมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับใบหน้า

ในปี 2023 เธอเปิดธุรกิจเครื่องสำอางชื่อ Tallow Glow ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามจากไขมันเนื้อวัว

เธอเสริมว่า “ตั้งแต่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ผิวฉันดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก และสุขภาพผิวก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”

ทั้งนี้ ตามคำแนะนำของ NHS แพทย์ประจำตัวสามารถให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย ผ่านการรับประทานอาหารที่สมดุลและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ