เปิดผลวิจัย "แก้วมังกร" ผลไม้ต้านมะเร็ง แทบทุกคนกินผิดวิธี ทิ้งส่วนที่มีประโยชน์ไปเฉยๆ

Home » เปิดผลวิจัย "แก้วมังกร" ผลไม้ต้านมะเร็ง แทบทุกคนกินผิดวิธี ทิ้งส่วนที่มีประโยชน์ไปเฉยๆ
เปิดผลวิจัย "แก้วมังกร" ผลไม้ต้านมะเร็ง แทบทุกคนกินผิดวิธี ทิ้งส่วนที่มีประโยชน์ไปเฉยๆ

เปิดผลวิจัยจากเกาหลี “แก้วมังกร” ผลไม้ต้านมะเร็ง หลายคนยังกินผิดวิธี ทิ้งส่วนที่มีประโยชน์ไปเฉยๆ

แก้วมังกร อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โพลีฟีนอล และแอนโทไซยานิน จึงเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ช่วยในเรื่องความงามและการลดน้ำหนัก

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมูลนิธิต่อต้านมะเร็งระบุว่า แก้วมังกรเนื้อแดงมีปริมาณแอนโทไซยานินสูงกว่าผลเชอร์รี่ถึง 15 เท่า และมากกว่าการองุ่นแดงถึง 28 เท่า ทำให้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าผลไม้อื่น ๆ

โดยปกติแล้ว แก้วมังกรสามารถรับประทานได้ทั้งเมล็ด ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอี ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย ส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญคอเลสเตอรอล และช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกส่วนที่มีประโยชน์ทางโภชนาการสูงและสามารถรับประทานได้ ซึ่งก็คือเปลือกของแก้วมังกร

ประโยชน์ของเปลือกแก้วมังกร

นอกจากเนื้อและเมล็ดแล้ว เปลือกแก้วมังกรยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง หลายคนมักปอกเปลือกแล้วทิ้ง ซึ่งนับว่าน่าเสียดาย

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน วารสารวิทยาศาสตร์อาหารเกาหลี ระบุว่า เปลือกแก้วมังกรมีปริมาณฟีนอล แอนโทไซยานิน และฟลาโวนอล ไกลโคไซด์ มากกว่าเนื้อแก้วมังกรถึง 3-5 เท่า และยังมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าเนื้อแก้วมังกร

นักวิจัยแนะนำว่า เมื่อปอกเปลือกแก้วมังกร ไม่จำเป็นต้องปอกลึกเกินไป การเหลือชั้นเปลือกบาง ๆ ไว้ติดกับเนื้อจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ เปลือกแก้วมังกรที่ปอกออกไปยังสามารถนำไปปรุงอาหารได้อีกด้วย

การศึกษายังพบว่า เปลือกแก้วมังกรเนื้อขาวมีคุณสมบัติในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าเปลือกแก้วมังกรเนื้อแดง ขณะที่เปลือกแก้วมังกรเนื้อแดงมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเปลือกแก้วมังกรเนื้อขาว

วิธีรับประทานเปลือกแก้วมังกร

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและมูลนิธิดูแลผู้ป่วยมะเร็งของจีนแนะนำว่า เปลือกแก้วมังกรอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ และสามารถนำมาใช้ในการปรุงอาหารได้ วิธีรับประทาน เช่น

  • ตัดส่วนหนามออก และใช้ส่วนที่อ่อนของเปลือกแก้วมังกรมาผัดกับเนื้อสัตว์ เช่น ผัดกับหมูสไลซ์ หรือใส่ในเมนูหมูเปรี้ยวหวาน ซึ่งช่วยเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
  • นำเปลือกแก้วมังกรมาปั่นรวมกับนมถั่วเหลืองหรือกับนมสด ทำเป็นสมูทตี้ ซึ่งให้สารต้านอนุมูลอิสระและโปรตีน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

สรุป เปลือกแก้วมังกรเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์สูง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านมะเร็ง หากนำมาใช้ให้ถูกวิธี นอกจากจะช่วยลดของเสียจากอาหาร ยังสามารถช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพได้อีกด้วย

“แก้วมังกรเนื้อขาว” กับ “แก้วมังกรเนื้อแดง” ต่างกันอย่างไร กินแบบไหนดีกว่า

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ