แม้จะมีเพียงแม่น้ำกั้นกลาง แต่ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา หนุ่มสาวจากสองหมู่บ้านในอำเภอฮาตรึง (จังหวัดแทงฮว้า) กลับไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานกัน
“หมู่บ้านพี่ หมู่บ้านน้อง”
เรื่องราวที่ฟังดูราวกับนิทาน แต่กลับเป็นเรื่องจริงที่ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ณ หมู่บ้านแสนสงบริมแม่น้ำฮวต นั่นคือ หมู่บ้านแชนล็อก (ตำบลฮ่าซาง) และหมู่บ้านด่องบ่ง (ตำบลฮ่าเตี้ยน) ในอำเภอฮาตรึง จังหวัดแทงฮว้า
ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน ข้อห้ามที่ว่าหนุ่มสาวจากสองหมู่บ้านนี้จะไม่แต่งงานกัน ได้ถูกกำหนดไว้ในกฎหมู่บ้านมาตั้งแต่โบราณ และสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ปัจจุบันข้อห้ามนี้ยังคงได้รับการยึดถือ โดยให้ถือว่า ชาวบ้านจากทั้งสองหมู่บ้านเป็นเสมือนพี่น้องกัน และไม่สามารถแต่งงานกันได้
นางฟานถิหลาน หัวหน้าสำนักวัฒนธรรมและข้อมูลของอำเภอฮาตรึง ยืนยันว่า เรื่องราวนี้เป็นเรื่องจริง มีที่มาจากกฎหมู่บ้านโบราณ และถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ตำนานที่ถูกเล่าขาน
นางไมถิหญ่าย ชาวบ้านหมู่บ้านด่องบ่ง เล่าว่า หนุ่มสาวจากสองหมู่บ้านนี้ถือกันว่าเป็นพี่น้องกันโดยสมบูรณ์ จึงไม่แต่งงานกัน โดยมีคำพังเพยที่ว่า
“เมื่อไหร่ที่ปลาดุกออกลูกบนยอดต้นไทร นกเอี้ยงวางไข่ใต้น้ำ เมื่อนั้นฉันจะแต่งงานกับเธอ”
คำพังเพยนี้หมายถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็เหมือนกับการแต่งงานของหนุ่มสาวจากสองหมู่บ้านนี้ ที่ถูกกำหนดไว้ในกฎหมู่บ้านเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ในอดีตมีชายคนหนึ่งที่มีเชื้อสายจีน ซึ่งต่อมาผู้คนเรียกว่า “ท่งก๊วกซือ” เขาเดินทางมาบุกเบิกที่ดินบริเวณแม่น้ำฮวต และสร้างชุมชนขึ้น โดยเริ่มจากหมู่บ้านแชนล็อก ก่อนจะตั้งหมู่บ้านด่องบ่งภายหลัง ทั้งสองหมู่บ้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันของแม่น้ำ
หมู่บ้านแชนล็อกถูกเรียกว่าหมู่บ้านพี่ ส่วนหมู่บ้านด่องบ่งเป็นหมู่บ้านน้อง ชาวบ้านทั้งสองแห่งจึงปฏิบัติต่อกันเสมือนญาติสนิท และเมื่อเป็นญาติกันแล้ว ก็ไม่สามารถแต่งงานกันได้
ความรักที่ถูกพรากเพราะ “กฎหมู่บ้าน”
แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายร้อยปี ก็ยังคงมีคู่รักบางคู่ที่เกิดขึ้นระหว่างหนุ่มสาวจากสองหมู่บ้าน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องยอมเลิกรากัน เพราะขัดต่อกฎหมู่บ้าน
นายต่งวันเควียน ผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านด่องบ่ง กล่าวว่ากฎนี้ยังคงได้รับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ผู้คนจากทั้งสองหมู่บ้านยังคงช่วยเหลือกัน และปฏิบัติต่อกันเหมือนญาติ
นางฟามถิดาน ชาวบ้านจากหมู่บ้านแชนล็อก เล่าว่าตนได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่แต่งงานเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน ผ่านคำบอกเล่าของผู้สูงวัย
เธอยังเล่าว่า ตลอด 40 ปีที่อยู่ในหมู่บ้าน มีเพียงกรณีเดียวที่ชายจากหมู่บ้านด่องบ่งแต่งงานกับหญิงจากหมู่บ้านแชนล็อก ทั้งคู่ไม่เชื่อฟังคำเตือนของผู้ใหญ่ และแต่งงานกัน แต่สุดท้ายชีวิตคู่ของพวกเขาก็ต้องจบลงด้วยการแยกทาง
นายฟามวันดัต ชาวบ้านจากหมู่บ้านแชนล็อก ก็เคยมีความรักกับหญิงสาวจากหมู่บ้านด่องบ่ง แต่เมื่อปู่ของเขาเตือนว่าไม่ควรฝ่าฝืนกฎ เขาก็ยอมตัดใจและยุติความสัมพันธ์
เรื่องราวนี้ฝังลึกอยู่ในจิตสำนึกของชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน โดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับ แต่ทุกคนต่างเข้าใจ และปฏิบัติตามกฎหมู่บ้านโดยไม่ขัดขืน
วัฒนธรรมและประเพณีที่ยังคงอยู่
นางฟานถิหลาน หัวหน้าสำนักวัฒนธรรมและข้อมูลของอำเภอฮาตรึง กล่าวว่าย่านต่งเซินในอดีต (ปัจจุบันคืออำเภอฮาตรึง) เป็นบ้านเกิดของจักรพรรดิราชวงศ์เหงียนถึง 13 พระองค์ และยังคงรักษาขนบธรรมเนียมโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากกฎเรื่องการแต่งงานแล้ว ที่หมู่บ้านด่องบ่งยังมีประเพณี “เผาศาลเจ้าหลิว” ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า ชาวบ้านจะนำไฟจากศาลเจ้ามาจุดในบ้านของตน เพื่อขอให้มีโชคลาภ ความสงบสุข และการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์ในปีใหม่
เรื่องราวของสองหมู่บ้านที่แม้มีเพียงแม่น้ำกั้นกลาง แต่กลับถือกันเป็นพี่น้องกันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงขนบธรรมเนียมและจารีตที่ยังคงได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเคร่งครัด