“ทนายเดชา” อ้างสาวคู่กรณี “แสตมป์” พอใจโพสต์ขอโทษ ไม่ติดใจแจ้งความ ยกเว้น ม.112 ให้ข้อมูลกองทัพแล้ว ยืนยันไม่ใช่การข่มขู่ เพียงพูดเพื่อปกป้องสถาบัน
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ให้สัมภาษณ์ในกรณีที่ก่อนหน้านี้ฝั่งคู่กรณีของแสตมป์ มาปรึกษาเรื่องคดีความ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับคู่กรณีและครอบครัวแล้ว หลังได้เห็นข้อความที่แสตมป์โพสต์ ว่ายอมรับผิดและขอโทษที่แสตมป์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งคู่กรณีและครอบครัวก็รู้สึกพอใจ และไม่ติดใจดำเนินคดีแล้ว ขอยุติเรื่องทั้งหมด ยกเว้นเรื่องคดีมาตรา 112 ที่อยู่นอกเหนือการจัดการของคู่กรณี เพราะเรื่องนี้คู่กรณีและครอบครัวได้ไปให้ข้อมูลกับการกองทัพบกแล้ว และเป็นหน้าที่ของกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม ในการพิจารณาดำเนินการกับแสตมป์หรือไม่
ครอบครัวคู่กรณียืนยันว่าไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการที่พ่อคู่กรณีแจ้งว่า การกระทำของแสตมป์ที่แชตพูดคุยกับสาวคู่กรณีก่อนหน้านี้นั้น มีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ มาตรา 112 พ่อคู่กรณีจึงมีการพูดเพื่อปกป้องสถาบัน แต่ไม่ใช่การข่มขู่ และมีหลักฐานเป็นแชตสนทนาทั้งหมด
ส่วนคดีที่คู่กรณีถูกฟ้องร้องมีทั้งหมด 4 คดี ได้แก่ คดีหมิ่นประมาทที่ศาลจังหวัดนนทบุรี, คดีหมิ่นประมาทที่ศาลแขวงดุสิต, คดีหมิ่นประมาทที่ศาลแพ่งเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท โดยทั้ง 3 คดีหมิ่นประมาทแสตมป์ ได้ถอนฟ้องไปแล้ว
ส่วนคดีละเมิดที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เรียกค่าทดแทน 10 ล้านบาท ก็ไกล่เกลี่ยจบแล้ว ศาลสั่งจ่ายเงินทดแทน 1 ล้านบาท โดยที่คู่กรณียอมจ่าย เพราะศาลไกล่เกลี่ยและถูกกดดันจากคู่กรณี จึงยอมจ่ายให้เรื่องจบไป แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นชู้กับแสตมป์ และหลังจากคดีจบ พ่อของคู่กรณีก็ยืนยันว่าไม่เคยตามไปข่มขู่คุกคามที่บ้านใดๆ ไม่เคยเจอแสตมป์ด้วย และสงสัยว่าคดีจบไปนานแล้ว เหตุใดจึงไปขึ้นคอนเสิร์ตเช่นนั้น
ดังนั้นแม้จะพอใจกับคำขอโทษที่แสตมป์โพสต์เมื่อเช้า แต่หากหลังจากนี้จะไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กระทบคู่กรณีและครอบครัวให้ได้รับความเสียหาย ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป แต่หากหยุด คู่กรณีก็จะหยุดเช่นกัน ส่วนโพสต์ดังกล่าวของแสตมป์ที่ยอมรับว่านอกใจภรรยา มาคบกับคู่กรณีนั้น ทนายเดชาก็ยอมรับว่ากระทบกับคู่กรณี แต่ก็ขึ้นอยู่กับครอบครัวคู่กรณีจะดำเนินการหรือไม่ ดังนั้นหลังจากนี้แสตมป์ควรอยู่เฉยๆ ดีกว่า ส่วนเรื่องคบกันจริงหรือไม่นั้น ให้เป็นเรื่องส่วนตัวของคู่กรณีออกมาพูดเอง ไม่สามารถตอบแทนได้
ส่วนที่มีหลายคนตั้งคำถามว่าการนำคำพิพากษามาโพสต์ลงโซเชียลฯ ลักษณะนี้ จะไม่มีความผิด ทนายเดชายืนยันว่าไม่มีความผิด เพราะคนที่โพสต์เป็นแฟนคู่ความ เสมือนเป็นผู้รับมอบอำนาจ เมื่อโดนกล่าวหาให้เสียหาย ก็ต้องชี้แจง