สาวลูกครึ่งที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง แต่เนื่องจากไม่สามารถควบคุมน้ำหนักได้ ทำให้เธอไร้งานในวงการมานานถึง 4 ปี

สำนักข่าว Sina รายงานเมื่อวันที่ 7 มกราคมว่า นักแสดงหญิง หลี่ซินอ้าย ประกาศแต่งงานกับแฟนหนุ่ม หลิวจื้อรุ่ย ซึ่งอายุน้อยกว่าเธอ 9 ปี เมื่อเห็นภาพลักษณ์ปัจจุบันของนักแสดงหญิง ผู้ชมต่างชื่นชมว่าเธอดูสวยขึ้นเรื่อย ๆ และยังดูอ่อนเยาว์ในวัย 34 ปี อย่างไรก็ตาม หลายคนเสียดายที่อาชีพการแสดงของดาราสาวที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงโควิด

ตามรายงานของ Sina หลี่ซินอ้ายเป็นลูกครึ่งจีน-รัสเซียที่มีรูปร่างหน้าตาโดดเด่น เธอถือว่าเป็นความงามหายากในวงการบันเทิง ด้วยใบหน้ารูปตัววีและดวงตาที่สดใส ทำให้อาชีพการแสดงของหลี่ซินอ้ายเริ่มต้นได้ง่าย เธอมักถูกเรียกว่า แองเจลาเบบี้เวอร์ชันจีน

หลี่ซินอ้าย โด่งดังจากการแสดงในภาพยนตร์เพลง The Rooftop (2013) ของ เจย์ โจว ราชาเพลงเอเชีย หลังจากนั้นเธอมีผลงานอีกมากมายทั้งภาพยนตร์และซีรีส์

บทบาทที่น่าจดจำของหลี่ซินอ้ายคือการรับบทเป็น หลี่จางเยว่ ในซีรีส์ The Princess Weiyoung ซึ่งผู้ชมยกย่องว่าเธอสวยและเหมาะสมกับบทบาทของผู้หญิงสูงศักดิ์มากกว่าดาราที่ดังกว่าเธอ

อย่างไรก็ตาม อาชีพการแสดงของหลี่ซินอ้ายได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งจากการที่กิจกรรมในวงการบันเทิงหยุดชะงัก และทีมงานถ่ายทำมีน้อยลง อีกทั้งตัวเธอเองยังพักอยู่บ้านเป็นเวลานาน ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นสูงสุดที่ 100 กิโลกรัม

หลี่ซินอ้ายเคยเผยว่า น้ำหนักในอุดมคติของเธอคือ 45-46 กิโลกรัม แต่ช่วงที่ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงทำให้น้ำหนักเธอเพิ่มขึ้นถึง 100 กิโลกรัม แม้ลักษณะใบหน้าจะไม่เปลี่ยนไปมาก แต่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้แขนและขาของเธอใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน หน้าท้องยื่น และไม่สามารถใส่เสื้อผ้าชุดเก่าได้

การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างยังทำให้เธอสูญเสียโอกาสการทำงานไปมาก ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เธอแทบไม่ได้รับงานแสดง มีเพียงบทสมทบ ในภาพยนตร์ 1-2 เรื่อง

ในช่วงว่างงาน หลี่ซินอ้ายมุ่งมั่นลดน้ำหนักทุกวัน ด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักตามคำแนะนำของเทรนเนอร์มืออาชีพ ตอนกลางคืนเธอไม่รับประทานอาหาร ดื่มแต่น้ำเท่านั้น และยังเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักที่ศูนย์สุขภาพ

เมื่อไม่มีงานแสดง หลี่ซินอ้ายมักโพสต์วิดีโอสอนวิธีลดน้ำหนักและออกกำลังกายบนโซเชียลมีเดีย  ปัจจุบันในวัย 34 ปี ตอนนี้กลับมาสวยและรูปร่างดีเหมือนเดิมแล้ว แต่สื่อจีนยังระบุว่า “น่าเสียดาย” เพราะช่วงนี้เป็นเวลาที่ยากลำบากในวงการภาพยนตร์ และดาราที่ไม่โด่งดังมากนักต้องเผชิญปัญหาในการหางาน