เช็ก 6 พฤติกรรมที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่กำลังทำลาย “ตู้เย็น” อย่างเงียบ ๆ หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
การใช้งานตู้เย็นอาจดูเรียบง่าย แต่พฤติกรรมบางอย่างอาจลดอายุการใช้งานของตู้เย็น ส่งผลต่อประสิทธิภาพและการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยไม่รู้ตัว หลายคนมักเข้าใจผิดว่าทำถูกต้อง แต่แท้จริงแล้วกลับทำร้ายตู้เย็นโดยไม่ตั้งใจ Reviewer Pang-Chieh Ho จาก Consumer Reports ได้รวบรวม 6 ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในการใช้งานตู้เย็นดังนี้
1. นำอาหารร้อน ๆ ใส่ตู้เย็นทันที
การนำอาหารที่ยังร้อนใส่ลงในตู้เย็นอาจสร้างความเสียหายได้ ความร้อนสูงสามารถทำให้ชั้นกระจกภายในแตกร้าว และยังทำให้อุณหภูมิภายในตู้สูงขึ้น บีบให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้นเพื่อลดความร้อน ส่งผลให้อายุการใช้งานของตู้เย็นสั้นลง
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรปล่อยให้อาหารอยู่ในอุณหภูมิห้องเกิน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเติบโตของแบคทีเรีย หากอุณหภูมิห้องเกิน 32°C ควรลดเวลาเหลือเพียง 1 ชั่วโมง วิธีช่วยให้อาหารเย็นเร็วขึ้นคือ แบ่งอาหารเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือใส่ในกล่องพลาสติกก่อนนำไปแช่เย็น
Kevin Malik
2. วางของขวางช่องระบายอากาศภายในตู้เย็น
ช่องระบายอากาศมีหน้าที่หมุนเวียนอากาศระหว่างช่องแช่แข็งและช่องแช่เย็น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการรักษาความเย็น หากมีสิ่งของไปขวางช่องเหล่านี้ อาจทำให้เกิดปัญหา เช่น น้ำแข็งเกาะในตู้เย็น หรือความร้อนสะสม จนอาจทำให้ตู้เย็นเสียหายได้
3. ไม่ทำความสะอาดคอยล์ร้อน
คอยล์ร้อนซึ่งมักอยู่ด้านหลังหรือใต้ตู้เย็น จำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ หากปล่อยให้ฝุ่นสะสมมากเกินไป จะทำให้การระบายความร้อนด้อยประสิทธิภาพและอาจนำไปสู่การเสียหายของตู้เย็นได้
ควรทำความสะอาดคอยล์ร้อนนี้ทุก 6 เดือน โดยใช้แปรงขนนุ่มหรือเครื่องดูดฝุ่นเพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่
4. ปล่อยให้เด็กห้อยโหนที่มือจับตู้เย็น
การให้เด็กหรือใครก็ตามห้อยโหนมือจับตู้เย็น อาจทำให้มือจับเสียหายหรือบานพับประตูตู้เย็นบิดเบี้ยว เมื่อประตูปิดไม่สนิท จะทำให้อากาศเย็นรั่วออก ส่งผลให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน
RDNE Stock project
5. ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่แรงเกินไปเช็ดยางขอบประตู
ยางขอบประตูช่วยป้องกันไม่ให้อากาศเย็นรั่วไหลออกจากตู้เย็น จึงควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรงอาจทำให้ยางเสียหายและเกิดการรั่วไหลของอากาศเย็น
ควรทำความสะอาดยางขอบประตูด้วยผ้านุ่มและน้ำสบู่อ่อน ๆ เพื่อรักษาความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพของตู้เย็นให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
6. วางตู้เย็นชิดผนังหรือในพื้นที่อับ
ตู้เย็นต้องการพื้นที่สำหรับระบายความร้อน หากวางตู้เย็นชิดผนังหรือในพื้นที่แคบ จะทำให้การไหลเวียนของอากาศไม่ดี ส่งผลให้ความร้อนสะสม เครื่องทำงานหนักขึ้น และอายุการใช้งานสั้นลง
ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 5 ซม. ระหว่างตู้เย็นกับผนังทั้งสองด้านและด้านหลัง เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ระบายความร้อนได้ดีขึ้น และช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า
เพียงหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ คุณก็สามารถยืดอายุการใช้งานของตู้เย็น พร้อมทั้งรักษาประสิทธิภาพการทำงานและประหยัดพลังงานได้อย่างยั่งยืน