พ่อตาขออาศัยอยู่กับลูกสาวลูกเขย 14 ปี ไม่เคยจ่ายเงินสักบาท ความลับเปิดเผยหลังตาย ที่จริงระดับเศรษฐี รวยกว่า 60 ล้าน
พ่อตาของหลี่เฉียงอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขามานาน 14 ปีโดยไม่เคยจ่ายค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งจากไป และทนายความได้มาหาครอบครัวของหลี่เฉียงและบอกว่า หลี่เฉียงและหวังลี่ ภรรยาของเขา ได้รับมรดกมูลค่า 13 ล้านหยวน (ราว 62 ล้านบาท)
หลี่เฉียงและภรรยา หวังลี่ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เมื่อ 14 ปี จู่ๆ กริ่งก็ดังขึ้น พอเปิดประตูบ้าน หลี่เฉียงและหวังลี่ก็พบว่าพ่อตายืนอยู่หน้าประตู และบอกว่า พ่อไม่อยากอยู่ชนบทอีกแล้ว อยากมาอยู่กับลูกๆ ในเมืองนี้
หลังจากที่แม่ยายของหลี่เฉียงเสียชีวิตได้ไม่นาน ภรรยาของเขากลัวว่าพ่อตาจะเหงาถ้าต้องอยู่ชนบทคนเดียว จึงชวนให้พ่อตาย้ายมาอยู่ด้วย หลังจากคิดอยู่นาน ท่านก็ยอมตกลง ในช่วงแรกพ่อตายังคงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับชีวิตในเมืองใหญ่ และอาจจะรู้สึกเกรงใจลูกเขยอย่างหลี่เฉียง แต่ภรรยาคอยทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างพ่อและสามีของเธออยู่เสมอ
เพื่อช่วยให้พ่อตาปรับตัวกับชีวิตใหม่ในเมือง หลี่เฉียงและภรรยาได้พยายามหาสโมสรผู้สูงอายุ รวมถึงให้พ่อตาช่วยงานบ้านบ้าง ท่านค่อยๆ ปรับตัวได้ดีขึ้น มีเพื่อนใหม่และรู้จักกับเพื่อนบ้านมากขึ้น
เวลาผ่านไปจากครอบครัวเล็กๆ ของพวกเขาก็กลายเป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกชายและลูกสาวอีกสองคน ค่าใช้จ่ายในบ้านก็เพิ่มขึ้นตามมา อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ไม่เคยขอเงินจากพ่อตาเลย พ่อตามักให้เงินเล็กน้อยเพื่อซื้อขนมหรือของเล่นให้หลานบ้าง แต่ไม่เคยพูดถึงค่าใช้จ่ายในบ้าน และหลี่เฉียงกับหวังลี่ก็ไม่เคยหวังเงินจากพ่อ เพราะเข้าใจว่าท่านเป็นเพียงอาจารย์เกษียณ ทั้งคู่ต้องการให้พ่อตารู้สึกสบายใจและมีความสุขในวัยชรา
ในฤดูหนาวที่ผ่านมา พ่อตาได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 77 ปี ขณะนั้นหลี่เฉียงกำลังเก็บของของพ่อตาอยู่ ก็มีทนายมาที่บ้าน
“ผมคือลี่ ทนายของคุณพ่อ” เขากล่าวพร้อมหยิบเอกสารออกมาและเริ่มอ่าน “ผม, หวัง ชุ่น, ขอมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับลูกสาวและลูกเขยของผม”
พวกเขาตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทนายกล่าวว่าพ่อตามีทรัพย์สินรวมกว่า 13 ล้านหยวน ที่มอบให้กับพวกเขา ทนายยังกล่าวว่าพ่อไม่เคยพูดเรื่องเงินเพราะอยากดูว่าหลี่เฉียงและหวังลี่ จะปฏิบัติต่อลูกสาวของเขาอย่างไรโดยไม่พึ่งพาเงินของเขา
ชายวัยเกษียณ เอาเงินมาจากไหนมากมาย?
หลี่เฉียงและหวังลี่ถือพินัยกรรมของพ่อตาอยู่ด้วยความสับสน พยายามค้นหาที่มาของมรดกที่ท่านทิ้งไว้ จนพบความลับอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตของพ่อ
เมื่อยังหนุ่ม พ่อตาไม่ได้เป็นเพียงแค่อาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย ช่วงที่ราคาที่ดินสูง พ่อตาประสบความสำเร็จและร่ำรวยอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ท่านใช้ชีวิตเรียบง่ายและประหยัด เพราะเชื่อว่าความสุขมาจากการพอใจกับสิ่งที่มี
นอกจากนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน พ่อตาได้แอบอุปการะเด็กหลายคนในชนบทที่ยากจน เด็กเหล่านี้เป็นลูกของเพื่อนพ่อตาที่ท่านรู้จักผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่โชคร้ายที่พ่อแม่ของเด็กเหล่านี้เสียชีวิตไป พ่อตาจึงเก็บเงินไว้เพื่อดูแลชีวิตของหลานๆ เหล่านี้
หลี่เฉียงและภรรยาซาบซึ้งใจอย่างยิ่งที่ได้รู้ความจริงนี้ มรดกของพ่อไม่ได้บอกแค่เรื่องความสามารถในการหาเงิน แต่ยังสะท้อนถึงความใจดีของท่านด้วย
การจากไปของพ่อตาทำให้หลี่เฉียงและภรรยาเข้าใจว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แม้พ่อตาจะจากไปแล้ว แต่ความดีที่ท่านทำได้เตือนให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความรับผิดชอบมากขึ้น พวกเขาตัดสินใจเยี่ยมหลานๆ ของพ่อและใช้เงินส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนการศึกษาให้เด็กๆ จนจบมหาวิทยาลัย และตั้งใจเดินตามรอยพ่อตา ช่วยเหลือเด็กๆ อีกมากมายเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้น