กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หนุนช่วยเกษตรกรหลังปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตกต่ำ แนะกิน สับปะรด ในปริมาณ 6-8 ชิ้นคำ ต่อวัน สับปะรด อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน ใยอาหารและวิตามินซี ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงมะเร็ง
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย และโฆษกกระทรวง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สับปะรดไทย กำลังประสบปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาลตกต่ำส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูก ทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนและดีต่อสุขภาพตนเอง คือการส่งเสริมคนไทยหันมากินผลไม้ให้มากขึ้น
สับปะรด ช่วยเรื่องโรคมะเร็งได้จริงหรือ ?
สับปะรด เป็นผลไม้อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ใน 1 วันควรกินผลไม้ให้หลากหลาย 3-5 ส่วนต่อวัน สับปะรด มีคุณค่าทางโภชนาการ อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และใยอาหาร ช่วยบำรุงสายตา ต้านการอักเสบ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงมะเร็ง นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก เลือกกินสับปะรดแทนการกินขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน และเครื่องดื่มรสหวาน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ 2557 พบว่า คนไทยยังคงกินผลไม้ไม่เพียงพอ พบว่าคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปกินผลไม้เพียงพอต่อวัน เพียงร้อยละ 30.5 กินผักและผลไม้เพียงพอต่อวัน เพียงร้อยละ 25.9 กลุ่มอายุ 30-59 ปี กินผักและผลไม้เพียงพอร้อยละ 29.0-30.6 จะลดลงในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และลดลงมากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป กินผักและผลไม้เพียงพอ ร้อยละ 11 ทั้งๆ ที่ควรกินผลไม้ให้มากขึ้น เพราะทุกวัยต้องการวิตามินและแร่ธาตุ โดยเฉพาะวัยสูงอายุมีการเสื่อมของเซลล์มากกว่าวัยอื่นๆ และเป็นวัยที่ต้องการวิตามินและแร่ธาตุเพื่อยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่เป็นสารทำลายเซลล์และเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง อีกทั้งยังต้องการใยอาหารเพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและกระตุ้นการการขับถ่ายช่วยให้ท้องไม่ผูก การกินสับปะรดจึงดีต่อร่างกาย แต่ที่พิเศษในระยะนี้ ยังดีต่อใจ เพราะได้ร่วมช่วยเหลือเป็นกำลังใจแก่พี่น้องเกษตรกรอีกด้วย
ปริมาณสับปะรดที่ควรทาน
แพทย์หญิงนภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล ผู้อำนวยการสำนักโภชนาการ กล่าวว่า สับปะรด 1 ส่วน มี 6-8 ชิ้นคำ ใน 1 วันสามารถกินได้ ปริมาณพอดี 6-8 ชิ้นคำและกินผลไม้อื่นๆเพิ่มให้ได้ครบ 3-5 ส่วนต่อวัน ผลไม้ 1 ส่วนประมาณ 60 กิโลแคลอรี ขึ้นกับความหวานของแต่ละชนิด ยกตัวอย่างเช่นใน 1 วัน กินกล้วยน้ำว้า 1 ผล ฝรั่ง ½ ผล มะม่วง ½ ผล มะละกอ 6-8 ชิ้นคำ รวมกับสับปะรด ก็จะครบ 5 ส่วนพอดีหรืออาจกินเป็น กล้วย 2 ผล ฝรั่ง 1 ผล รวมกับสับปะรดก็จะครบ 5 ส่วนพอดี
ทั้งนี้ในการกินผลไม้ให้หลากหลายชนิดขึ้นกับความสะดวกในการจัดหาของผู้บริโภค ในกรณีผู้สูงอายุ กินผลไม้ได้ วันละ 1-3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว ดังนั้น ในแต่ละมื้อควรกินอาหารจานหลักอุดมด้วยผัก และตามด้วยผลไม้ 1-2 ส่วนให้หลากหลาย หากเลือกกินสับปะรดให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ ควรกินครั้งละ 6-8 ชิ้นคำ หลังมื้ออาหาร แทนขนมหวานที่ทำจากแป้งและน้ำตาล ซึ่งจะทำให้รับวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระตามที่ต้องการ หากต้องการดื่มน้ำสับปะรด ควรเลือกแบบที่ปั่นรวมกากไปด้วย ไม่ปรุงแต่งกลิ่น รสชาติ
ลดความเสี่ยงเกิด “มะเร็ง” ต้องทำอย่างไร ?
- ลดการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะเกิดการสะสมไขมันในผู้หญิงมากๆ ก็อาจเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งเต้านม ส่วนเกิดการสะสมในผู้ชายก็อาจทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งต่อมลูกหมากได้
- ลดการรับประทานอาหารที่เป็นจำพวกของหมักดอง , ปิ้งย่าง ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งหลอดอาหาร , มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีราขึ้น เนื่องจากในอาหารเหล่านี้จะมีสารอัลฟาทอกซินซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งตับอ่อน
- ไม่รับประทานอาหารที่สุกๆ ดิบๆ อาทิ ปลาจ่อม ก้อยปลา หรืออื่นๆ เพราะจะทำให้เกิดเป็นโรคพยาธิ , โรคพยาธิใบไม้ตับ ทั้งยังเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในตับได้อีกด้วย
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากจะทำให้เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งตับ หากดื่มและสูบบุหรี่ด้วย ก็เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งช่องปาก , ช่องคอ , กล่องเสียง และหลอดอาหาร
- ลด หรือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ที่จะทำให้เป็นมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง ส่วนการเคี้ยวยาสูบ ทำให้เสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งช่องปากและช่องคอได้
- ห้ามตากแดดจัด หรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานานจนเกินไป เพราะอาจทำให้เสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง
อ่านเพิ่มเติม
- 10 ประโยชน์ของ “สับปะรด” ที่คุณอาจไม่รู้ของ