อีก Gadget ที่ Apple ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการนั่นคือ Apple Watch Series 10 ใหม่รอบนี้มีการยกระดับให้ฟีเจอร์ของรุ่นนี้ใกล้เคียงกับ Watch Ultra 2 แต่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่า เห็นแบบนี้เรามาดูกันว่า Smart Watch รุ่นนี้มีความโดดเด่นและน่าใช้แค่ไหน มาเริ่มกันเลย
สเปก Apple Watch Series 10
สเปก |
Apple Watch Series 10 GPS + Cellular 46 mm. |
มิติตัวเครื่อง |
46 x 39 x 9.7 มิลลิเมตร |
น้ำหนัก |
35.3 กรัม |
ขุมพลัง |
ชิป SiP รุ่นที่ 10 Dual-Core 64 bit Neural Engine 4-Core |
เซ็นเซอร์ |
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3 เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด เข็มทิศ มาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง ไจโรสโคปแบบช่วงไดนามิกสูง เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ ตัววัดความลึก เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ |
หน้าจอ |
Retina LTPO3 OLED ความสว่าง 2,000 nits ความละเอียด 326 พิกเซลต่อนิ้ว |
การเชื่อมต่อไร้สาย |
รองรับ 4G LTE (eSIM), Wi-Fi 4 (802.11N), Bluetooth 5.3 UWB Gen 2 |
แบตเตอรี่ |
9 ล้านพิกเซล IR AI Camera |
ลำโพง |
ลำโพง 1 ตัว |
ไมโครโฟน |
ติดตั้งไมโครโฟนทำให้สามารถใช้งานเรื่องเสียงได้ดี |
ระบบปฎิบัติการ |
Windows 11 |
แบตเตอรี่ |
327 mAh + ชาร์จไฟเร็วขึ้น |
สีสัน |
อลูมิเนียม : Jetblack, Rose Gold, Silver ไทเทเเนียม : Slate, Gold, Natural |
ดีไซน์ Apple Watch Series 10
เรามาเริ่มต้นกับดีไซน์ของ Apple Watch Series 10 เรียกว่าเปลี่ยนแบบยกเครื่องเพราะหน้าจอของรุ่นนี้มีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้สามารถมองหน้าจอได้รอบ ผ่านเทคโนโลยี OLED ที่ให้มุมกว้างพิเศษกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมด
รอบตัวเรือนสังเกตได้ว่าบางลงจากเดิม แต่ไม่ได้มีการลดขนาดแบตเอตรี่ลงแต่อย่างใด วัสดุคุณสามารถเลือกได้ตั้งแต่ อลูมิเนียม, ไทเทเนียน และ สแตนเลส์ ทั้งนี้สำหรับรุ่นที่คุณเห็นคืออลูมิเนียม เป็นสีดำเจ็ทแบล็ค (Jet Black) ที่เรียกว่าดูดีและสยงามมากพอสมควร ประกอบไปด้วย
- ข้างขวา : ปุ่ม Digital Crown ที่มีขนาดเหมาะสมมากขึ้น และปุ่มกดด้านข้างใหม่เรียบกับตัวเรือน
- ข้างซ้าย : ลำโพงที่วางตำแหน่งเด่นชัดมากขึ้น ทำให้คุณสามารถฟังเพลงผ่าน Smart Watch ได้ทันที
- บนและล่าง : เป็นที่ร้อยสายทำให้สามารถเปลี่ยนสายได้ง่าย
ด้านล่างมีระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ดูคล้ายกับรุ่น Series 9 แต่มีการออกแบบทำให้จับได้แม่นยำมากขึ้น และยังรองรับระบบ Wireless Charge ที่สามารถใช้กับที่ชาร์จที่มีกำลังสูงมากขึ้นกว่าเดิม และนอกจากนี้ยังกันน้ำได้เหมือนกับรุ่นเดิม ทำให้คุณใส่ว่ายน้ำได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว
น้ำหนัก / การสวมใส่
สำหรับ Apple Watch Series 10 ที่เราได้รับมาน้ำหนักจะอยู่ราวๆ 35.3 กรัม กลายเป็นรุ่นที่บางเบากว่าเดิมช่วยให้สามารถใส่ได้ทุกวัน แต่น้ำหนักส่วนหนึ่งจะมากขึ้นหรือน้อยลงก็จะขึ้นอยู่กับสายนองนาฬิากเองที่ต้องดูว่า เป็นแบบไหนนั่นเอง
เซ็นเซอร์ใหม่ที่เข้ามาใน Apple Watch Series 10
สำหรับ Apple Watch Series 10 จะมีเซนเซอร์แอบคลายกัน แต่ว่าจะมีควาแม่นยำมากขึ้นประกอบด้วย
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคอลรุ่นที่ 3: วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และแจ้งเตือนเมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- เซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด: วัดระดับออกซิเจนในเลือด ช่วยให้ทราบถึงสุขภาพโดยรวม
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิร่างกาย: วัดอุณหภูมิข้อมือ ช่วยติดตามรอบเดือน และประเมินการนอนหลับ
- เซ็นเซอร์วัดความลึก: วัดความลึกขณะว่ายน้ำ ดำน้ำตื้น หรือทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ โดยวัดได้ลึกสูงสุด 6 เมตร
- เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ: วัดอุณหภูมิของน้ำขณะว่ายน้ำ ช่วยให้บันทึกข้อมูลการออกกำลังกายได้ละเอียดขึ้น
เท่ากับ Apple Watch Series 10 มีเซ็นเซอร์ที่ทำงานได้มากขึ้น
ฟีเจอร์โดดเด่นของ Apple Watch Series 10
Apple Watch Series 10 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Watch OS 11 ซึ่งมีการปรับปรุงในเรื่องของการใช้งานทั่วไปและด้านสุขภาพ โดย Apple มีการเพิ่มฟีเจอร์เข้าไปเช่น
ฟีเจอร์ทั่วไป
- การใส่ Apple Music และ Spotify ที่สามารถฟังเพลงและฟัง Podcast ได้ด้วย
- แผนที่เป็นครั้งแรกที่สามารถนำทางและแสดงผลผ่าน Apple Watch ได้ง่าย
- Siri จะสั่งให้ตั้งปลุก, โทรออก และส่งข้อความได้
- มีโปรแกรมแปลภาษาที่สามารถใช้ได้บน Apple Watch หากเป็นรุ่นที่ใส่ eSIM ก็จะสามารถแปลสดเวลาอยู่ข้างนอกได้
- ปรับแต่ง Widget ในหลากหลายรูปแบบ
- แอป Tides ไว้ดูน้ำขึ้นหรือลงได้
- หน้าปัดแบบใหม่เช่น หน้าปัด “Contour” “Modular Compact” และ “World Clock” และรูปแบบ Flux ที่แสดงขีดวินาทีเป็นเหมือนกับการเติมน้ำ และ Refection ที่สามารถแสดงผลรอบด้านเป็นไปตามทิศทางที่คุณได้มอง
ไฮไลท์เด็ดคือการใช้ติวแตะ โดยสามารถแตะ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้งก็ได้ โดยจะสั่งงานได้เช่น รับสาย วางสาย เล่นเพลง หรือหยุดเพลง เลื่อนหน้าปัดขึ้นหรือลงก็ได้
ฟีเจอร์ดูแลสุขภาพ
ลูกเล่นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพนอกจากของเดิมแล้วยังมีให้เหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมกับสิ่งเหล่านี้
1. แอปสัญญาณชีพ (Vitals)
แอปใหม่ที่รวมข้อมูลสุขภาพสำคัญๆ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด อุณหภูมิข้อมือ และข้อมูลการนอนหลับ ไว้ในที่เดียว ช่วยให้เข้าใจสุขภาพโดยรวมได้ง่ายขึ้น
2. ความหนักเบาในการฝึก (Training Load)
ฟีเจอร์ใหม่ในแอปออกกำลังกาย ที่ช่วยวัดความหนักเบาของการฝึก และประเมินว่าการฝึกนั้นหนักเกินไป เบาเกินไป หรือกำลังพอดี เพื่อให้ปรับแผนการฝึกได้อย่างเหมาะสม
3. การปรับแต่งวงแหวนกิจกรรม
ปรับแต่งวงแหวนกิจกรรมได้หลากหลายขึ้น เช่น ตั้งค่าเป้าหมายการเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย และการยืน ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล และหยุดพักกิจกรรมชั่วคราวได้
ทั้งหมดที่ได้บอกมาและตอบสนองไวกว่ารุ่นเดิมส่วนหนึ่งเพราะการเปลี่ยนมาใช้ชิป S10 ใหม่ที่เน้นความเร็วในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิมยังจัดการบริการพลังงานได้ดีมากขึ้นเช่นเดียวกันครับ
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Apple Watch Series 10 นั้นมีการเคลมว่า สามารถใช้งานได้ 18 ชั่วโมงกด้วยกัน แต่จากที่ทดลองใช้งานพบว่าสามารถ หากไม่ได้มีการใช้งานหนักก็สามารถใช้ได้ยาวนานเกือบ 2 วันได้สบาย แต่ถ้ามีการใช้ลำโพง ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ยาวนาน
อย่างไรก็ตาม Apple Watch Series 10 รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว โดยสามารถให้ไฟจาก 0 – 80% ได้ภายในเวลา 30 นาที และชาร์จไฟให้เต็มในเวลา 1 ชั่วโมงเท่านั้น
สรุปหลังจากทดลองใช้ Apple Watch Series 10
มาถึงสรุปแล้ว Apple Watch Series 10 ถือเป็นอีก Smart Watch ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับคนที่ข้าม Series 9 เพราะรอบนี้เปลี่ยนแปลงเยอะตั้งแต่ดีไซน์, ฟีเจอร์ที่โดดเด่น, การทำงานของเครื่องที่มาแบบจัดหนักมากขึ้น และรวมไปถึงการปรับปรุงระบบการชาร์จไฟกับราคาเปิดตัวที่ลดลงตามค่าเงินบาท โดยเริ่มที่ 14,900 บาท
ดังนั้นถ้าใครทกำลังสนใจไม่ว่าจะเป็นสายรักสุขภาพ ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ และสามารถใช้งานกับ iPhone ได้ลื่นๆ Smart Watch รุ่นนี้เหมาะกับคุณ แต่ถ้าใครห่วงว่าสีเครื่องจะเป็นรอยแนะนำ หาเคส หรือ แปะฟิล์มกันรอยก็ช่วยได้ครับ