จากเหตุการณ์รถบัสโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเหตุเพลิงไหม้ ที่บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้าช่องทางด่วนหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้มีนักเรียน ครูเสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางด้านคนขับรถได้มีการเข้ามอบตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสมาน หรือ คนขับรถ ให้การว่า ขับรถบัสมาเป็นคันที่ 2 ด้วยความเร็ว 70-80กม./ชั่วโมง จนเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถได้เสียหลักคล้ายตกหลุม จนทำให้ยางระเบิดหรือถุงลมแตกตนก็ไม่แน่ใจ เพราะรถมีโช๊คเป็นแบบถุงลม จากนั้นรถก็ดึงขวาก่อนจะเกิดการเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ ตนพยายามบังคับรถแต่ตัวรถครูดไปกับแบริเออร์ด้านขวาทำให้เกิดประกายไฟ
หลังเกิดเหตุกรณีผู้ขับขี่ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทางด้านคนขับรถให้การว่าหลังเกิดเหตุ ตนได้วิ่งไปเอาถังเคมีดับเพลิงจากรถคันหลังแล้วมาช่วยฉีดจากนั้นก็เกิดตกใจหลบหนีไปทางบ้านญาติ สำหรับรถบัสที่ประสบอุบัติเหตุได้ลาก ๆ ไปไว้ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเพื่อรอการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยเฝ้า 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ทางด้านคนขับยังมีการเปิดเผยอีกว่า ตัวรถบัสคันนี้ใช้งานมาแล้วกว่า 54 ปี ก่อนหน้านี้เป็นยี่ห้ออีซูซุ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบนซ์ และก่อนวันเกิดเหตุได้มีการพาเด็กนักเรียนจากอีกโรงเรียนไปทัศนศึกษามาก่อนแล้ว และได้มีกลิ่นแก๊สตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่ยังมีการนำรถคันนี้มาใช้ต่อโดยไม่มีการเช็คสภาพหลังจากจบการทัศนศึกษาอีกโรงเรียน
- สรุปไทม์ไลน์ โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ไฟไหม้รถบัสนักเรียน คร่า 23 ชีวิต
- โรงเรียนย่านอยุทยา ยกเลิก “ทัศนศึกษา” ปรับการเรียรรู้ นอกห้องเรียนใหม่
- เปิดโพสต์สุดท้าย! ครูสาวน้อย หลังประสบอุบัติเหตุ ‘ไฟไหม้รถบัส’ เสียชีวิต
และยังพบว่ามีการดัดแปลงสภาพรถด้วยการติดตั้งแก๊สถึง 10 ถัง อยู่บริเวณล้อหน้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวาข้างละ 2 ถัง บริเวณล้อด้านหลังทั้งด้านซ้ายละขวาข้างละอีก 1 ถัง และบริเวณตอนกลางของรถด้านล่างอีก 4 ถัง ขณะที่ใบขออนุญาตดัดแปลง มีการขอเพียง 3 ถัง จึงได้เรียกเอกสารจากกรมการขนส่ง เพื่อนำมาตรวจสอบแล้ว หากพบไม่ตรงกัน ถือว่าการติดตั้งไม่ได้อนุญาตจากทางราชการ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย