กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook Hitech อีกครั้ง รอบนี้ พบกับมือถืออีกรุ่นที่เรียกว่าตำนานเขามาเองกับ HMD โดยรอบนี้ได้แรงบันดาลใจจาก Nokia Lumia จนเกิดมือถืออย่าง Skyline ออกมา มันมีความเหมือนจริงไหม และน่าสนใจแค่ไหน เรามาดูกันครับ
สเปก HMD Skyline
- ขนาด /น้ำหนัก : 159.8 x 76 x 8.9 มิลลิเมตร / 209.5 กรัม
- หน้าจอมีขนาด 6.55 นิ้ว P-OLED FHD+ (2400×1080) พร้อมกับ Refresh Rate 144Hz, ความสว่าง 1,000 nits
- กล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล
- ระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้าง / สแกนใบหน้า
- ได้กระจกแบบ Gorilla Glass 3
- ขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 7s Gen 2 / Adreno 710
- จะได้ RAM 12GB
- ความจำ 256GB
- ความจำภายนอก MicroSD
- การเชื่อมต่อ : USB-C, 5G, Wi-Fi 6e, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14
- สเปกกล้องหลัง
- กล้องหลัก 108 MP รูรับแสง F/1.8 PDAF + OIS
- กล้อง Telephoto 50 MP รองรับการซูม 2x Optical Zoom
- กล้องมุมกว้าง 13 MP
- วิดีโอ 4K@30fps, 1080p@30fps
- แบตเตอรี่ 4600 mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟ 33W แบบสาย, ไร้สาย 15W และกระจายให้เครื่องอื่น 5W
- ระบบปฏิบัติการ Android 14 สามารถอัปเกรดได้ 3 เวอร์ชั่น และ Patch ความปลอดภัย 4 ปี
- สีสัน Neon Pink, Twisted Black
รูปลักษณ์ดีไซน์ HMD Skyline
แรกเห็น HMD Skyline นั้บต้องบอกว่าดีไซน์เหมือนกับ Nokia Lumia 920 และ Lumia 1020 ชอบกล เพราะหน้าจอขนาด 6.5 นิ้วที่เว้นขอบไว้ทั้งบนและล่าง แม้อาจจะเสียพื้นที่ไป แต่มันก็ดูสวยดีครับ ซึ่งหน้าจอรุ่นนี้เป็น AMOLED ความสว่าง 1,000 nits และความละเอียด Full HD+ มีกล้องหน้าความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ติดตั้งทางด้านบน แถมมีลำโพงตัวเครื่องด้านบนอีกจุดด้วยนะ
รอบตัวเครื่องไม่ได้เรียบแต่เป็นป้องๆ สวยงาม ประกอบด้วย
- ฝั่งซ้ายมีปุ่ม Control
- ฝั่งขวา มีปุ่ม Power มีเซ็นเซอร์สแกนนิ้ว พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง
ส่วนด้านบนของเครื่องจะมีไมโครโฟน และด้านล่างมี USB-C, ลำโพง ช่องใส่ซิมรองรับทั้ง NanoSIM, อีกช่องเป็น Hybrid Slot สลับได้ทั้ง SIM และ MicroSD ส่วนน็อตตรงนั้นคาดว่าทำมาเพื่อเปิดฝาหลังเพื่อทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่
พลิกมาด้านหลังจะมีกล้องหลักมาให้ 3 ตัวจะว่าไป HMD Skyline ให้กล้องหลังครบช่วงทั้ง เลนส์หลักที่มีคุณภาพ, เลนส์มุมกว้างที่เก็บรายละเอียดได้ดี และ Telephoto ที่คมชัด นอกจากนี้ยังมี NFC และรองรับระบบ Wireless Charging
ประสิทธิภาพของ HMD Skyline
ต้องบอกก่อนว่าขุมพลังของ HMD Skyline ให้ Snapdragon 7s Gen 2 ผลที่ได้คะแนนจะอยู่ในระดับเฉียด 6 แสน ซึ่งเมื่อทดลองเล่นเกมหลากหลายรูปแบบ พบว่าถ้าใช้กราฟิกหนักต้องปรับความเร็วลดลงมาหน่อย ส่วนคนเล่น PUBG, ROV และ FreeFire พูดเลยว่า ไม่มีปัญหาหรอก
การเชื่อมต่อของเครื่องรองรับ 5G, Wi-Fi 6e, Bluetooth 5.2 และจับสัญญาณ GPS ได้ค่อนข้างดี
แบตเตอรี่ / การชาร์จไฟ
ด้วยขนาด 4600 mAh ซึ่งอาจจะไม่ได้ให้เยอะ แต่ด้วยการจัดการพลังงานและไม่มีอะไรคลุมทับ UI เลยทำให้สามารถใช้งานได้ 5:27 ชั่วโมง แต่ต้องมีการชาร์จไฟสักรอบเพื่อทำให้อยู่รอดได้ แต่โดยรวมจากการทดสอบ PCMark ทำได้ 12:56 ชั่วโมง ถือว่านานอยู่ครับ
ส่วนระบบการชาร์จไฟสำหรับ HMD Skyline รองรับกำลัง 33W แบบสาย และ Wireless Charging กำลัง 15W ถือว่าเป็นหนึ่งเดียวในกลุ่มหมื่นต้นๆ ที่ให้มาครับ
ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ HMD Skyline
ระบบปฏิบัติการของ HMD Skyline เลือกใช้ Android 14 โดย HMD ได้บอกว่าสามารถอัปเกรดได้ 2 ปี และ Patch ความปลอดภัย 3 ปีด้วยกัน ทั้งนี้ลูกเล่นต่างๆ เหมือนกับ Pure Android ทั่วไป คือ Pixel มีอะไร ก็จะมีแค่นั้น ต้องดาวน์โหลดเพิ่มเอาเอง
แต่ว่าสำหรับรุ่นนี้จะมีปุ่มข้างๆ ที่เรียกว่า Instat Button เราสามารถตั้งให้ให้กดค้างทำอะไรก็ได้เช่นการเปลี่ยน Proflie ของเสียง, กด 2 ครั้งให้ทำอย่างอื่นได้ และเปลี่ยนได้หลากหลาย เช่นเดียวกับ ปุ่มเปิดเครื่องก็สามารถตั้งค่าให้กด 2 ครั้งเปลี่ยนอะไรก็ได้เช่นเดียวกัน
ลูกเล่นของกล้องนั้นใช้งานง่ายเพราะเมนูใหญ่และคมชัด รองรับการถ่ายภาพได้หลากลหายและยังมีโหมด OZO Audio เก็บรายละเอียดได้ดีและคมชัดอย่างมากเลยครับ
ตัวอย่างภาพจาก HMD Skyline
สรุปหลังทดลองใช้ HMD Skyline มาสักระยะหนึ่ง
HMD Skyline เป็นอีกมือถือที่จัดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาในเรื่องการให้สเปก และการทำงานของเครื่องแม้ว่าอาจจะยังต้องทำใจเรื่องของกล้องในบางเรื่องเช่นการซูมที่ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ดีไซน์ของเครื่องเรียกว่าย้อนยุคได้ดี กับการนำรูปแบบคล้ายๆ Nokia มาใช้แต่ติดตั้ง Android ทำให้ลื่นไหลในการใช้งานได้อย่างดี
ราคาของ HMD Skyline
สำหรับมือถือ HMD Skyline เคราะราคาที่ 14,990 บาท (โปรโมชั่น) จากราคาเปิดตัว 15,990 บาท ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยเลยครับ ดังนั้นใครที่เป็นแฟนคลับค่ายนี้ก็อย่าลืมเก็บน้องไว้ในอ้อมอกอ้อมใจก็ดีนะครับ
