วันนี้ (21 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้มีการออกมาเปิดภาพนาทีอุบัติเหตุ บริเวณด้านหน้าสถานปฏิบัติธรรม เสถียรธรรมสถาน ถนนวัชรพล ช่วงเวลา 18.20 น. ของวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยชายคนหนึ่งที่ถูกรถจักรยานยนต์ชนกระเป็นไปไกลกว่า 10 เมตร ขณะกำลังข้ามทางม้าลาย โดยภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ผู้เสียหายเป็นชาย อายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อโปโลสีน้ำตาล สะพายกระเป๋าเป้ เดินอยู่บนทางเท้ามาตามถนนวัชรพล เพื่อจะมาข้ามทางม้าลาย

ในขณะที่เดินข้ามถนน ชายคนดังกล่าวได้พยายามมองรถทางขวา โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเย็นที่การจราจรคับคั่ง และซึ่งรถยนต์ ได้หยุดให้ชายคนดังกล่าวเดินข้ามทางม้าลาย ผู้เสียหายก้มหัวขอบคุณรถเก๋ง ก่อนจะเดินข้ามถนน 4 เลน ซึ่งแบ่งเป็นฝั่งขาออก 2 เลน ฝั่งขาเข้า 2 เลน เมื่อข้ามพ้นไป 2 เลน

จนกระทั่ง เดินไปถึงช่วงที่คั่นเลนฝั่งตรงข้ามก็ยังพยายามมองรถทางขวา อยู่เป็นระยะ และขณะจะก้าวข้ามไปยังอีกเลนของถนน ปรากฏว่า มีรถจักรยานยนต์ ขับพุ่งเข้ามา ทั้งๆที่รถยนต์คันอื่นจอดรอเพื่อให้ชายดังกล่าวเดินข้ามทางม้าลาย ทำให้รถจักรยานยนต์ พุ่งเข้าชนชายคนดังกล่าว อย่างจัง จนร่างลอยกระเด็นไปไกลเกือบ 10 เมตร

กล้องวงจรปิดอีกมุม จะเห็นว่า หลังถูกชน ผู้เสียหาย บาดเจ็บสาหัสนอนแน่นิ่งไปและพยายามขยับตัว แต่ก็ขยับไม่ได้ ส่วนคนขับขี่รถจักรยานยนต์ มีอาการบาดเจ็บที่ขา และพยุงตัวเองเดินไปหลบข้างทาง โดยมีพลเมืองดีช่วยกันรถที่จะผ่านจุดนั้น และนำรถจักรยานยนต์ เข้ามาหลบข้างทาง พร้อมทั้งเรียกอาสาสมัครกู้ภัยมาช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยระหว่างที่รอกู้ภัย ไม่มีใครขยับตัวผู้เสียหาย เพราะเกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นจากการเคลื่อนย้ายไม่ถูกต้อง จนกู้ภัยมาถึงและใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงเคลื่อนย้ายผู้เสียหายส่งโรงพยาบาล

ทีมข่าวได้พูดคุยกับญาติของผู้บาดเจ็บ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ น้องชายเลิกงานแล้ว กำลังจะเดินทางไปรับภรรยาและลูก หลังออกจากออฟฟิศในย่านนั้น ก็เดินมาหน้าเสถียรธรรมสถานเพื่อจะข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม และจะเรียกแท็กซี่ไปรับภรรยากับลูกกลับบ้าน แต่ต้องมาประสบอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชนตรงทางม้าลาย จุดที่คิดว่าน่าเป็นจุดที่ปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้า แต่กลับต้องได้บาดเจ็บสาหัส โดยอาการของน้องชาย ถูกส่งเข้าห้องไอซียู กระดูกซี่โครงหัก ม้ามแตก แพทย์ผ่าตัดเอาม้ามออก และขณะนี้ยังต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด

ส่วนคู่กรณี ซึ่งเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์ อายุ 33 ปี หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ได้เข้าไปพบ ตำรวจ สน.คันนายาว โดยตำรวจพิจารณาแล้วว่า ชายคนดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์ประมาท และตัวเขาก็ยอมรับว่า ประมาท พร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานแล้ว

ญาติของผู้บาดเจ็บ ยังกล่าวด้วยว่า อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องชาย เป็นอุทธาหรณ์สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เพราะน้องชายไม่ใช่รายแรกที่ต้องมาบาดเจ็บเพราะความประมาทเลินเล่อ หรือความมักง่ายของผู้ขับขี่ที่ไม่มีน้ำใจให้กับคนเดินเท้า แม้ว่าจะใช้ทางม้าลาย ก็ยังไม่มีความปลอดภัย จึงอยากให้เหตุการณ์นี้ ไม่ใช่แค่ไฟไหม้ฟาง แต่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สร้างความตระหนักรู้ของผู้ขับขี่รถ ว่าควรต้องมีน้ำใจและระมัดระวัง