รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับ แอน พันเอกหญิง จรินทร แดงเปี่ยม อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย ที่มาร้องกัน จอมพลัง หลังสามีซึ่งเป็นทหารยศพันเอกเหมือนกัน แอบไปมีชู้เป็นทหารหญิงสาววัย 24 ปี ที่ทำหน้าที่เลขาหน้าห้อง

คุณแอน เล่าว่า แต่งงานกับสามีซึ่งเป็นทหารเหมือนกันมานานหลายปี มีลูกด้วยกัน จนลูกโตแล้ว หลังแต่งงานเขาต้องไปประจำการอยู่ต่างจังหวัด และมีพฤติกรรมเรื่องผู้หญิงอื่นมาหลายต่อหลายครั้ง ที่เราจับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่เคสที่หนักที่สุดคือ กรณีล่าสุดเป็นหญิงวัย 24 ปี ที่สอบบรรจุราชการมาเป็นทหาร สามีเอาเขามาเป็นเลขาหน้าห้อง

ช่วงหลังๆ มา เราเห็นสามีมีพฤติกรรมผิดปกติ เริ่มไม่กลับบ้าน บางครั้งก็กลับมาคืนเดียวแล้วอ้างว่าต้องไปคุมการฝึก ส่วนตนได้ยินเรื่องจากบรรดา “สาย” ที่อยู่ในหน่วยของสามี เล่าว่าเห็นพฤติกรรมที่ออกนอกหน้า ใช้ชีวิตไม่เหมือนหัวหน้ากับลูกน้อง เพราะคิดว่าไม่มีใครกล้าไปฟ้องคุณนาย ตนจึงแอบติด GPS ไว้ที่รถของสามี

คุณแอนเล่าถึงหญิงมือที่สามว่า หญิงคนนี้ อายุ 24 ปี แก่กว่าลูกของเราแค่ปีเดียว เขาสอบเข้ามาบรรจุเป็นยศสิบตรีหญิง สามีตั้งเขามาเป็นหน้าห้อง เอามาไว้ข้างกาย แล้วมีพฤติกรรมอะไรต่างๆ ที่ดูโจ่งแจ้ง ไม่เหมาะสม ไม่เหมือนเจ้านายลูกน้อง ทั้งยังสั่งให้ลูกน้องคนสนิท ยศพันตรี ไปคอยดูแลสิ่งต่างๆที่ฝ่ายหญิงขาดเหลือ

เคยเจอสาวคนนี้ ในงานวันเปิดตึก บก. ใหม่ที่ปากช่อง ซึ่งปกติแม่บ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ต้องออกงานด้วย สามีบอก ถ้าเธอไม่ว่างไม่ต้องมาก็ได้ ทั้งที่เราไม่เคยบอกว่าไม่ว่าง เราก็ไป แล้วไปเจอผู้หญิงคนนี้จริงๆ ตอนแรกไม่รู้หน้าเขาว่าคือคนไหน แต่เขาอยู่หน้าห้องสามี ทำหน้าที่เป็นเลขา ก็มั่นใจว่าเป็นคนนี้แน่ๆ ก็เลยเข้าไปชวนเขาคุย

เราไปถามเขาดีๆ ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มาเป็นทหารได้ยังไง มีญาติพี่น้องเป็นทหารไหม เขาดูตกใจมาก แต่ก็ตอบคำถาม คุยได้ไม่นาน สามีก็ออกมาจากห้อง มาตวาดเราว่ามาถามอะไร มายุ่งอะไรเด็ก เราก็ถามว่าทำไมถึงถามไม่ได้ เรามาในเวลาราชการ มาพูดคุยปกติ ไม่ได้พูดอะไรไม่ดี ไม่มีคำหยาบคาย เรามองว่าเราเป็นผู้ใหญ่ ไม่คิดจะไปทำอะไรเด็กอยู่แล้ว

วันนั้นได้เข้าไปพูดคุยกับสามีในห้องทำงาน เราพูดว่า รู้ไหมว่าทำแบบนี้ มันไม่ให้เกียรติกันเกินไปแล้ว เรามาเจอกับตา อยากจะยิงสามีมานานแล้ว สามีก็ถลึงตาใส่ จนมีคนมาแยกให้เรากลับไป

หลังจากนั้น เช็กสัญญาณ GPS เห็นว่ารถของสามีไปจอดที่โรงแรมม่านรูด เราก็ให้สายลับซึ่งเป็นคนใกล้ตัวของเรา ตามไป ไปเปิดห้องข้างๆ เพื่อซุ่มรอ จนไดหลักฐานว่าเขาเข้าไปอยู่ในโรงแรมม่านรูดด้วยกันจริง หลังจากออกมาจากโรงแรมก็ไปกันต่อที่ห้าง มีภาพหลักฐานมัดตัว

คุณแอนนำหลักฐานทั้งหมดนี้ ไปร้องเรียนวินัยทางหน่วยงานต้นสังกัด แต่ร้องเรียนไปทุกช่องทางที่มี ทั้งทางเว็บ ทั้งทางแอป แต่มันไม่มีความคืบหน้าเลย โทรไปติดตามเรื่องก็พูดจาไม่ดี เรารู้สึกว่าไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากการไปร้องเรียนกับหน่วยงานกองทัพเลย แม้เราจะเป็นทหารยศพันเอก ยังมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

นอกจากนั้น เรายังเอาหลักฐานฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว มีคำพิพากษาศาลชั้นต้น ว่าสามีมีชู้จริง สั่งให้จ่ายค่าทดแทน ฝ่ายชาย 1.2 ล้าน ฝ่ายหญิง 6 แสน และให้ฝ่ายชายจ่ายค่าเลี้ยงดูจนกว่าลูกคนเล็กจะบรรลุนิติภาวะ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนด ขณะที่ฝ่ายสิบตรีหญิงมือที่สาม แก้เกมด้วยการไปแจ้งความสามีของคุณแอนว่ากระทำอนาจาร และฟ้องคุณแอนฐานหมิ่นประมาท โดยยืนยันว่าจะเอาผิดให้ถึงที่สุด

ในส่วนของการร้องวินัยสามีและสิบตรีหญิงมือที่สาม ยังได้ความกลับมาว่า สามีเบิกความกับกรรมการสอบสวนว่า ที่เข้าโรงแรมไป ไม่ได้ไปมีสัมพันธ์กัน แต่ไปปรับทุกข์กันทั่วไป คุณแอนอุทธรณ์โทษคำสั่งตามกำหนดเวลา แต่ยังไม่มีหนังสือใดๆ ตอบกลับมา

ช่วงท้ายรายการ ที่คุณแอนเล่าว่า ไปร้องขอความเป็นธรรมมาจากทุกช่องทางที่กองทัพมีให้ ยื่นเอกสาร ยื่นหนังสือ ทำผ่านแอป แต่ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ทำเหมือนกับตนเป็นจำเลย สิ่งเดียวที่อยากให้หน่วยงานออกมาจัดการในวันนี้ คืออยากให้ทั้งสามี และ ฝ่ายหญิงถูกดำเนินการทางวินัย ฝ่ายหญิงต้องพ้นจากราชการ และถ้าสามีจะโดนด้วยก็ต้องโดน เพราะสิ่งเหล่านี้มันผิดวินัยร้ายแรง แต่กลับไม่เคยต้องรับผลจากการกระทำ

คุณแอน ถึงกับกลั้นสะอื้น พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เราไม่รู้จะไปขอความเป็นธรรมจากใครแล้ว ตอนนี้เราเหลือแค่ 2 ทาง คือมาขอความช่วยเหลือจากสื่อสายยุติธรรม หรือไม่ก็ยิงตัวเองหน้า บก.ทบ.” ถึงกับทำให้ กัน จอมพลัง บอกว่าฟังแล้วอยากร้องไห้ ขณะที่ครูกะปิ ต้องปลอบให้คุณแอนผ่อนคลายลง

ขณะที่กัน จอมพลัง ถึงกับพูดในรายการว่า อยากตั้งคำถามว่า กองทัพมีความยุติธรรมให้เฉพาะทหารชายเท่านั้นหรือ หากลองเปลี่ยนสลับกันว่า เป็นทหารหญิงมีชู้ แล้วนายทหารชายไปร้อง อยากรู้ว่าเรื่องมันจะเร็วกว่านี้ไหม

โดยส่วนตัว กัน จอมพลัง ประสานงานหลังบ้านกับกองทัพมาเยอะมาก มีหลายเคสที่เข้าไปช่วยแบบไม่ออกสื่อ แต่ถ้าเคสคุณแอนไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังจากนี้ขอประกาศว่าเราจะขาดกัน ไม่ต้องมาประสานงานช่วยเหลืออะไรกันอีก