วันนี้ (30 ก.ค.) สำนักข่าว เอเอฟพี ได้ออกมารายงานว่า ทางการท้องถิ่น รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สั่งอพยพประชาชนมากกว่า 26,000 คนเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 29 ก.ค. หลังไฟป่า “พาร์กไฟร์” ซึ่งเริ่มปะทุเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ใกล้เมืองชิโกในเขตบัตต์ ทางตอนเหนือของรัฐ ยังลุกลามต่อเนื่องและเผาวอดพื้นที่เพิ่มเป็นกว่า 370,000 เอเคอร์ หรือ 935,835 ไร่
ที่ผ่านมา นักดับเพลิงหลายพันคนกำลังต่อสู้กับไฟป่าที่เพิ่มมากขึ้นทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ โดยรายงานจากกรมป่าไม้และป้องกันอัคคีภัยของรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงของวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไฟป่าได้ลุกลามเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า และได้แผดเผาพื้นที่ไปแล้ว 9 แสนไร่
อย่างไรก็ตามอุณหภูมิที่เย็นลง และอากาศที่ชื้นมากขึ้น ช่วยชะลอการกระจายตัวของไฟป่า ซึ่งควบคุมได้แล้วประมาณ 12% เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 ก.ค.
ทั้งนี้ไฟป่าที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไปแล้ว 134 แห่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งอพยพประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง และอาจได้รับผลกระทบจากไฟป่า รวมถึงเมืองพาราไดซ์ ซึ่งเป็นเมืองที่เคยได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้แคมป์ในปี 2018 ไปยังสถานที่ปลอดภัย
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์ดับเพลิงแห่งชาติของสหรัฐฯรายงานว่า ได้เข้าจับกุมชายคนหนึ่ง ฐานเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจุดไฟป่าในช่วงบ่ายวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งนี่เป็นสถานการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในบรรดาเหตุไฟป่าที่ยังคุกรุ่นอยู่หลายสิบจุดที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ และเผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 5 ล้านไร่