“โจ ไบเดน” ประกาศถอนตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุน “กมลา แฮร์ริส” เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้แทน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศสละสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยที่ 2 ในวันอาทิตย์ หลังทำผลงานไม่น่าประทับใจในการโต้อภิปรายกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปลายเดือนที่แล้วจนทำให้เกิดกระแสกังวลหนักเกี่ยวกับสุขภาพของผู้นำทำเนียบขาววัย 81 ปีผู้นี้
การตัดสินใจครั้งนี้มีออกมาหลังแรงกดดันจากเหล่าพันธมิตรพรรคเดโมแครตให้ไบเดนถอนตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังการโต้อภิปรายผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
ใจความตอนหนึ่งของจดหมายที่ไบเดนส่งออกมาในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ ระบุว่า “เป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตของผมที่ได้ทำหน้าที่เป็นประธานาธิบดีของท่านและถึงแม้ว่าจะเป็นความตั้งใจของผมที่จะลงเลือกตั้งอีกสมัย แต่ผมก็เชื่อว่า หากผมถอนตัวและมุ่งให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ประธานาธิบดีให้ครบวาระจะเป็นประโยชน์ต่อพรรค (เดโมแครต) และประเทศชาติ ผมจะแถลงต่อประชาชนทั่วประเทศในสัปดาห์นี้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการตัดสินใจของผม
ณ เวลานี้ ผมขอแสดงความรู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุดต่อผู้คนที่ทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้ผมได้รับเลือกอีกหนึ่งสมัย ผมอยากจะขอขอบคุณรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ผู้เป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมในการปฏิบัติภารกิจทั้งหมดนี้ และผมขอแสดงความซาบซึ้งต่อชาวอเมริกันทุกคนสำหรับความหวังและความไว้ใจที่ทุกคนมีให้ผม”
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ยืนยันว่า จดหมายดังกล่าวเป็นจดหมายของจริง
และหลังจากมีการเผยแพร่จดหมายฉบับดังกล่าวออกมาไม่นาน ปธน.ไบเดน กล่าวผ่านเอ็กซ์ (X) หรือ ทวิตเตอร์ ว่า ตนขอสนับสนุนและรับรองให้ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อลงชิงชัยการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในปีนี้ด้วย
โดยไบเดนกล่าวว่า “การตัดสินใจแรกของผมในฐานะตัวแทนของพรรค (เดโมแครต) ในปี 2020 คือการเลือก กมลา แฮร์ริส มาเป็นรองประธานาธิบดี และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของผม วันนี้ผมขอสนับสนุนและรับรองกมลา อย่างเต็มที่ให้เป็นตัวแทนของพรรคของเราในปีนี้”
ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันยืนยันด้วยว่าจะทำหน้าที่ต่อไปจนหมดวาระ ซึ่งก็คือ วันที่ 20 มกราคม ปี 2568
ในเวลานี้ ไบเดนยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านริมหาดในรัฐเดลาแวร์หลังได้รับการยืนยันว่าติดโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ก่อน
ภายหลังมีรายงานข่าวนี้ออกมา สมาชิกระดับสูงของพรรคเดโมแครตรวมทั้งจากพรรครีพับลิกันได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับประเด็นการถอนตัวของไบเดนออกมากันทั่วหน้า
อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ร่วมกับ มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ที่ระบุว่า “ผมทราบดีว่า โจ (ไบเดน) ไม่เคยก้าวถอยจากการต่อสู้ใด ๆ … การที่เขาได้มองดูภูมิทัศน์ทางการเมืองและตัดสินใจว่า ควรส่งไม้ต่อใหักับนอมินีคนใหม่ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาอย่างแน่นอน แต่ผมรู้ดีว่า เขาจะไม่ตัดสินใจเช่นนั้น ถ้าเขาไม่เชื่อว่า นั่นจะเป็นการดีสำหรับอเมริกา มันคือบทพิสูจน์ของความรักในประเทศของโจ ไบเดน”
ส่วน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาของพรรคเดโมแครต กล่าวว่า “โจ ไบเดน ไม่เพียงแต่เป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่และผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขายังเป็นมนุษย์ที่สุดประเสริฐ การตัดสินใจของเขาไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แต่เป็นอีกครั้ง ที่เขาให้ความสำคัญต่อประเทศของเขา พรรคของเขาและอนาคตของเราก่อนเรื่องอื่นใด”
ขณะที่ ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คือ ผู้นำที่มีความสำคัญและประสบความสำเร็จมากที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอเมริกา … อเมริกาดีขึ้นในวันนี้ได้เพราะประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้นำพาเราด้วยสติปัญญา ความดีและเกียรติภูมิ”
รองประธานาธิบดีแฮร์ริส ที่ได้รับการรับรองจากประธานาธิบดีไบเดน ในการลงชิงชัยการเลือกตั้งครั้งนี้ ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยเนื้อความบางส่วนระบุว่า “ด้วยความเสียสละและความรักชาติ ประธานาธิบดีไบเดนทำในสิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิตการรับใช้ชาติ (นั่นคือ) การให้ความสำคัญต่อประชาชนชาวอเมริกันและประเทศของเราเหนือสิ่งอื่นใด”
ขณะเดียวกัน ทีมงานหาเสียงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ “ไบเดนเป็นผู้นำที่อ่อนแอ น่าสมเพชและไร้ความสามารถ ที่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกัน 13 นายถูกสังหารในอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่จนทำให้ปูตินรุกรานยูเครน และผู้ก่อการร้ายฮามาสโจมตีอิสราเอล ผู้นำโลกกำลังหัวเราะเยาะเราอยู่”
ส่วน ไมค์ จอห์นสัน ประธานผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ระบุในแถลงการณ์ว่า “ถ้าโจ ไบเดน ไม่เหมาะสมจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เขาก็ไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ประธานาธิบดี เขาต้องลาออกทันที (การรอการเลือกตั้งใน)วันที่ 5 พฤศจิกายนนั้นใช้เวลานานเกินไป”