จากเหตุการณ์ที่มี 2 คนร้ายใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ได้เงินสดไปประมาณ 3.3 ล้านบาท บริเวณลานจอดรถห้างแห่งหนึ่งย่านสวนหลวง กทม. ผู้เสียหายมีนามสกุลเดียวกับผู้บริหารบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่โลก เจ้าตัวไม่ได้มากดเงินเพียงคนเดียว มีลูกน้องในบริษัท 2 คน นั่งไปในรถด้วย นอกจากนี้ยังมีลูกน้องอีกคนขับมอเตอร์ไซค์ตามมาคุ้มกัน แต่หลังเบิกงานเสร็จกลับถูกปล้น ตำรวจจึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของการเบิกเงินครั้งนี้ โดยตำรวจสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนใกล้ชิดร่วมมือกันทำนั้น
ล่าสุดพลตำรวจตรี รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พลตำรวจตรีธีรเดช ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมชุดสืบสวนนครบาล, ชุดสืบสวนนครบาล 4 และชุดสืบสวนสน.ประเวศ ประชุมติดตามความคืบหน้าคดี 2 คนร้ายชิงเงินสด 3.3 ล้านบาท ไปจากบริเวณลานจอดรถห้างดังแห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ แล้วหลบหนีไป
โดยพลตำรวจตรี นพศิลป์ กล่าวว่า ความคืบหน้าคดีนี้ จากการสืบสวน ทราบว่าผู้ก่อเหตุ มีทั้งหมด 2 คน โดยได้มีการออกหมายจับแล้ว 1 คือ นายนันทพร อายุ 35 ปี หรือ ฉายา บอล ปากแหว่ง ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ใช้อาวุธปืนเข้าไปจี้ผู้เสียหาย ระหว่างทำการเบิกเงินจาก 3 ธนาคาร ก่อนจะมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คน มารอรับเงินและขับรถหลบหนีออกไป
- ส่อพิรุธคนสนิท!? คนร้ายบุกปล้นเงิน 3.3 ล้าน หนุ่มนามสกุลดัง กลางห้างย่านประเวศ
พฤติการณ์ของคนร้าย พบว่ามีการวางแผนมาเป็นอย่างดี มีการมาเปิดห้องโรงแรมย่านที่เกิดเหตุก่อนจะก่อเหตุ 1 วัน และวันก่อเหตุ ได้มาจอดรถรอประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้เสียหายจะมาเบิกเงิน
สำหรับเงิน 3.3 ล้านบาทที่ผู้เสียหายเบิกมานั้น ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าของเงินว่า เป็นเงินจากการทำธุรกิจอะไร และจะเบิกเงินไปทำอะไร ยืนยันว่าจะทำทุกมิติในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงคดีนี้
จากการสืบสวนพบประวัติ นายบอล ปากแหว่ง ว่า เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วหลายครั้งจากการก่อเหตุร้ายแรง โดยเมื่อปี 2551 ถูกดำเนินคดีข้อหาชิงทรัพย์และกระทำอนาจาร พ้นโทษออกมาเมื่อต้นปี 2566 ต่อมาเดือนธันวาคม 2566 ได้ไปก่อเหตุชิงทรัพย์และข่มขืนกระทำชำเรา โดยใช้วิธีการดักจี้เหยื่อ ซึ่งเป็นนักศึกษาที่ขี่รถจักรยานยนต์มากับแฟนหนุ่ม โดยทำการชิงทรัพย์และพาผู้หญิงไปข่มขืน จนทำให้ถูกออกหมายจับในพื้นที่ สน.โชคชัย เจ้าตัวยังหลบหนีหมายจับ จนกระทั่งมาก่อเหตุครั้งนี้
- กองทัพบก ปิดประมูล สุนัขไม่ผ่านเกณฑ์ ค่าตัวสูง แตะหลักแสน!!
- มิจฉาชีพอัพเกรด!! ใช้ AI ปลอมเป็นตร. หนุ่มเกือบตกเป็นเหยื่อ
พลตำรวจตรีนพศิลป์ ย้ำว่าผู้ต้องหารายนี้ ถือว่าเป็นบุคคลอันตราย โดยเมื่อครั้งตำรวยเข้าจับกุมตอนปี 2551 ผู้ต้องหามีพฤติกรรมใช้อาวุธปืนต่อสู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทางภาคตะวันออก จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไล่ล่า พร้อมฝากพี่น้องเพื่อนฝูงที่รู้จักกับผู้ต้องหาที่ให้การช่วยเหลือว่าหากพบจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดด้วยเช่นกัน
ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คน อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับ ส่วนจะมีคนอื่นร่วมขบวนการอีกด้วยหรือไม่ อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า น่าจะมีอีก เพราะมีการวางแผนมายังดี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เกรงว่าผู้ก่อเหตุจะไหวตัวทันและหลบหนี
ด้าน พลตำรวจตรี ธีรเดช กล่าวว่า ตนขอฝากชุดสืบสวน ที่ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ว่า การทำงาน ขอให้ระมัดระวังในการเข้าจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นผู้ต้องหาที่กระทำการต่อสู้ขัดขืนตำรวจมาโดยตลอด แต่หากผู้ต้องหายังคิดจะขัดขืนอีก ก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเลยทันที